xs
xsm
sm
md
lg

“อดุลย์” ประกาศ ศรส.คุมเข้มม็อบสกรีนห้ามใช้พื้นที่ 13 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

(แฟ้มภาพ)พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.
“อดุลย์” ออกประกาศ ศรส.ห้ามใช้พื้นที่ 13 แห่ง ห้ามคนป่วนเข้า 26 เส้นทาง คุมเข้มเชื้อเพลิง สั่งห้ามพกอาวุธ-สิ่งเทียมอาวุธในพื้นที่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

วันนี้ (24 ม.ค.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในศูนย์รักษาความสงบ (ศรส.) ออกประกาศศูนย์รักษาความสงบ ฉบับที่ 1/2557 เรื่อง ห้ามใช้อาคาร หรือเข้าไป หรืออยู่ในสถานที่ใดๆ หรือห้ามเข้าไปในพื้นที่ใดๆ และห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงฯ ดังนี้

“ข้อ 1.ห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดใช้อาคาร หรือเข้าไป หรืออยู่ในสถานที่ หรือห้ามเข้าไปในพื้นที่ ดังต่อไปนี้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ (1) ทําเนียบรัฐบาล (2) รัฐสภา (3) กระทรวงมหาดไทย (4) กระทรวงพลังงาน (ศูนย์เอนเนอยี่ คอมเพล็กซ์ ถนนวิภาวดีรังสิต) (5) ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ (6) บริษัท กสท โทรคมนาคม จํากัด (มหาชน) สํานักงานใหญ่ (แจ้งวัฒนะ) (7) บริษัท ทีโอที จํากัด (มหาชน) (แจ้งวัฒนะ) (8) สถานีดาวเทียมไทยคม จังหวัดนนทบุรี (9) สถานีให้บริการภาคพื้นดินไทยคม ลาดหลุมแก้ว (10) บริษัท กสท โทรคมนาคม จํากัด (มหาชน) ส่วนบริการอินเทอร์เน็ต ฝ่ายสื่อสาร ข้อมูล (บางรัก)

(11) วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (12) สโมสรตํารวจ (13) ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานของรัฐอื่นรวมถึงศาล และองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ” ประกาศพื้นทีี่ห้ามเข้าพื้นที่

นอกจากนี้้ประกาศระบุว่า ข้อ 2.ห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดที่มีพฤติการณ์อันก่อให้เกิดความไม่สงบ หรือกระทําการยั่วยุ ปั่นป่วนต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ และความสงบสุขของประชาชนเข้าไป หรืออยู่ในสถานที่ หรือห้ามเข้าไปในพื้นที่ ดังต่อไปนี้ เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ (1) ถนนราชสีมา ตั้งแต่แยกสวนรื่นฤดี ถึงแยกประชาเกษม (2) ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกวังแดง ถึงแยกยมราช (3) ถนนอู่ทองใน ตั้งแต่แยกอู่ทองใน ถึงลานพระราชวังดุสิต ด้านหลังพระบรมรูปทรงม้า (4) ถนนลิขิต (5) ถนนพระราม 5 ตั้งแต่สะพานอรทัย ถึงแยกสุโขทัย (6) ถนนสุโขทัย ตั้งแต่แยกสวนรื่นฤดี ถึงแยกสุโขทัย (7) ถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกการเรือน ถึงแยกราชวิถี (8) ถนนราชดําเนินกลาง ตั้งแต่แยกคอกวัว ต่อเนื่อง ถนนราชดําเนินนอก แยกพระรูป (9) ถนนลูกหลวง ตั้งแต่สะพานวิศุกรรมนฤมาณ (ถนนลูกหลวงตัดถนนราชสีมา) ถึงสะพานเทวกรรม (ถนนลูกหลวงตัดถนนนครสวรรค์) (10) ถนนพิชัย ตั้งแต่แยกขัตติยานี ถึงถนนราชวิถี (11) ถนนนครสวรรค์ ตั้งแต่แยกพิษณุโลก ถึงสะพานเทวกรรม (12) ถนนศรีอยุธยา ตั้งแต่แยกวัดเบญจมบพิตร ถึงแยกพล 1 (13) ถนนนครปฐม (14) ถนนกรุงเกษม ตั้งแต่แยกประชาเกษม ถึงแยกเทวกรรม (15) ถนนสีลม ตั้งแต่แยกศาลาแดง ถึงแยกสีลม-นราธิวาส (16) ถนนพระราม 4 ตั้งแต่แยกสามย่าน ถึงแยกวิทยุ (17) ถนนราชดําริ ตั้งแต่แยกศาลาแดง ถึงแยกประตูน้ำ

(18) ถนนเพลินจิต ตั้งแต่แยกราชประสงค์ ถึงแยกชิดลม (19) ถนนพระราม 1ตั้งแต่แยกเจริญผล ถึงแยกราชประสงค์ (20) ถนนพญาไท ตั้งแต่แยกปทุมวัน ถึงแยกสามย่าน (21) ถนนรัชดาภิเษก ตั้งแต่แยกอโศก ถึงแยกอโศก-เพชรบุรี (22) ถนนสุขุมวิท ตั้งแต่แยกนานา ถึงปากซอยสุขุมวิท 19 (23) ถนนราชวิถี ตั้งแต่แยกตึกชัย ถึงแยกสามเหลี่ยมดินแดง (24) ถนนพหลโยธิน ตั้งแต่แยกลาดพร้าว ถึงแยกกําแพงเพชร

(25) ถนนแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่แยกหลักสี่ ถึงปากซอยแจ้งวัฒนะ 14 (26) สะพานพระราม 8 ทั้งนี้ ให้รวมถึงพื้นที่บริเวณถนน ทางเท้า คูคลอง และพื้นที่สาธารณะ ต่อเนื่องไปอีกในรัศมี 50 เมตร

“ข้อ 3.ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม หรือการใช้ยานพาหนะ ในเส้นทางตามข้อ 2.เว้นแต่
ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อ 4.ห้ามจอดยานพาหนะใดๆ กีดขวางการจราจรในเส้นทางคมนาคมในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ข้อ 5.ห้ามยานพาหนะใดๆ ที่บรรทุกเครื่องมืออุปกรณ์ที่นํามาใช้ หรือสนับสนุนเพื่อขัดขวาง
การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ในการรักษาความสงบเรียบร้อย เช่น ทราย ปูนซีเมนต์ กระสอบ ไม้ไผ่ ยางรถยนต์ หรือเครื่องขยายเสียงที่มีกําลังขยายตั้งแต่ 1 กิโลวัตต์ขึ้นไป เป็นต้น ใช้เส้นทางคมนาคมในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก พนักงานเจ้าหน้าที่ข้อ 6.ห้ามยานพาหนะใดๆ ที่บรรทุกอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน สิ่งเทียมอาวุธปืน วัตถุระเบิด ชิ้นส่วนของอาวุธหรือวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง สารเคมีใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต หรือร่างกายของประชาชน หรือสิ่งปฏิกูล ใช้เส้นทางคมนาคมในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้านยแรง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ข้อ 7.ห้ามใช้ยานพาหนะใดๆ กระทําการที่เป็นการรบกวนความเป็นอยู่โดยปกติสุขของประชาชน หรืออาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือที่เป็นการยั่วยุหรือปั่นป่วนการปฏิบัติงานของเจ้าพนักงาน หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ข้อ 8.ห้ามผู้ขับขี่และผู้โดยสารยานพาหนะใดๆ ในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง พกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน สิ่งเทียมอาวุธปืน วัตถุระเบิด ชิ้นส่วนของอาวุธ หรือวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง หรือสารเคมีใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายของประชาชน เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ข้อ 9.ห้ามนํารถบรรทุกน้ํามันเชื้อเพลิง แก๊ส สารเคมี หรือวัตถุอันตรายใดๆ ใช้เส้นทางคมนาคมในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่

ข้อ 10.ให้ผู้ประกอบกิจการสถานบริการน้ำมันเชื้อเพลิง หรือแก๊สในพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ควบคุมการเก็บรักษาน้ํามันเชื้อเพลิง แก๊ส และรถบรรทุกสิ่งดังกล่าวให้อยู่ใน สภาพที่เหมาะสมและปลอดภัย ทั้งนี้ประกาศ ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม” ประกาศ ศรส.ระบุ

นอกจากนี้ พล.ต.อ.อ1ดุลย์ ออกประกาศศูนย์รักษาความสงบ ฉบับที่ 2/2557
เรื่อง ห้ามนําอาวุธออกนอกเคหสถาน

ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินทีความร้ายแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี อําเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี และอําเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

“เพื่อประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ที่เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเกิดประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติได้โดยเร็ว และป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ ร้ายแรงมากขึ้น จึงออกประกาศกําหนด ดังนี้ข้อ 1.ห้ามนําอาวุธออกนอกเคหสถานภายในเขตพื้นที่ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ข้อ 2.ห้ามบุคคลหรือกลุ่มบุคคลนําอาวุธ สิ่งเทียมอาวุธ เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด สิ่งใดที่อาจนํามาใช้ได้อย่างอาวุธ เช่น หนังสติ๊ก ลูกเหล็ก ท่อนเหล็ก เครื่องช็อตไฟฟ้า ดอกไม้เพลิง หรือสิ่งอื่นใดในทํานองเดียวกันที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธอันอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย ของบุคคลใด รวมถึงเกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชนหรือของทางราชการ เข้าไปในพื้นที่ ที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ข้อ 3.ให้หัวหน้าผู้รับผิดชอบ หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ชั้นสัญญาบัตร หรือเทียบเท่า เป็นผู้ดําเนินการตามประกาศนี้ โดย ประกาศกําหนดนี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม เป็นต้นไป” ประกาศ ศรส.ระบุ
กำลังโหลดความคิดเห็น