ศาลจำคุก 14 ปี แก๊งลวงสาวพม่าขายบริการสถานอาบอบนวดย่านรัชดาฯ แต่จำเลยรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 7 ปี
ที่ห้องพิจารณา 613 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (17 ม.ค.) ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์ หมายเลขดำ อ.304/56 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายมนตรี หรือ หนุ่ม สังข์ทอง อายุ 48 ปี ชาว จ.ปทุมธานี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์และเพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น, หน่วงเหนี่ยวกักขังฯ เป็นธุระจัดหา ตามฟ้องโจทก์ สรุปว่า
เมื่อระหว่างวันที่ 1 ก.ย.-26 ธ.ค. 2552 ต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนีได้ร่วมกันหลอกลวง ชักชวนด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ เด็กหญิงชาวเมียนมาร์ 2 คน อายุ 14 ปีเท่ากัน ผู้เสียหายเดินทางจาก อ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศ เมียนมาร์ ผ่านทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ให้มาทำงานใน กทม.โดยจะได้รับค่าตอบแทนสูง แต่จำเลย กลับพาผู้เสียหายทั้งสองมาหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ในห้องพัก ที่ อาคารดิษฐ์สยาม คอ์ต ย่านห้วยขวาง แล้วพาไปค้าประเวณีทุกวันเว้นวันที่มีประจำเดือนที่สถานอาบอบนวด ไฮคลาส โดยผู้เสียหายจะได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 500 บาท แต่จำเลยเป็นคนเก็บเงินไว้เอง อ้างว่าผู้เสียหายยังเป็นหนี้อยู่ต่อมาญาติผู้เสียหายได้โทรศัพท์สอบถามความเป็นอยู่จนทราบความจริง จึงแจ้งให้ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ภาคเหนือตอนบน, ศูนย์ประชาบดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) เข้าช่วยเหลือ ส่วนจำเลยเข้าติดต่อมอบตัว และให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน แต่ให้การรับสารภาพชั้นศาล
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความของผู้เสียหายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าอับอาย จึงไม่น่าเชื่อว่า จะแต่งเรื่องราวดังกล่าวขึ้น รวมทั้งผู้เสียหายไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองที่จะเบิกความกลั่นแกล้งให้จำเลยต้องรับโทษ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง อันเป็นความผิดหลายกรรม
พิพากษา ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ฯ อันเป็นบทหนักสุด จำคุก 12 ปี, ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังฯ จำคุก 1 ปี และฐานให้ที่พักพิง หรือช่วยเหลือชาวต่างด้าว จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 14 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 7 ปี
ที่ห้องพิจารณา 613 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (17 ม.ค.) ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์ หมายเลขดำ อ.304/56 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายมนตรี หรือ หนุ่ม สังข์ทอง อายุ 48 ปี ชาว จ.ปทุมธานี อาชีพรับจ้าง เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์และเพื่อสนองความใคร่ผู้อื่น, หน่วงเหนี่ยวกักขังฯ เป็นธุระจัดหา ตามฟ้องโจทก์ สรุปว่า
เมื่อระหว่างวันที่ 1 ก.ย.-26 ธ.ค. 2552 ต่อเนื่องกัน จำเลยกับพวกอีกหลายคนที่ยังหลบหนีได้ร่วมกันหลอกลวง ชักชวนด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ เด็กหญิงชาวเมียนมาร์ 2 คน อายุ 14 ปีเท่ากัน ผู้เสียหายเดินทางจาก อ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศ เมียนมาร์ ผ่านทาง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ให้มาทำงานใน กทม.โดยจะได้รับค่าตอบแทนสูง แต่จำเลย กลับพาผู้เสียหายทั้งสองมาหน่วงเหนี่ยวกักขังไว้ในห้องพัก ที่ อาคารดิษฐ์สยาม คอ์ต ย่านห้วยขวาง แล้วพาไปค้าประเวณีทุกวันเว้นวันที่มีประจำเดือนที่สถานอาบอบนวด ไฮคลาส โดยผู้เสียหายจะได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 500 บาท แต่จำเลยเป็นคนเก็บเงินไว้เอง อ้างว่าผู้เสียหายยังเป็นหนี้อยู่ต่อมาญาติผู้เสียหายได้โทรศัพท์สอบถามความเป็นอยู่จนทราบความจริง จึงแจ้งให้ศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ภาคเหนือตอนบน, ศูนย์ประชาบดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) เข้าช่วยเหลือ ส่วนจำเลยเข้าติดต่อมอบตัว และให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวน แต่ให้การรับสารภาพชั้นศาล
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความของผู้เสียหายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าอับอาย จึงไม่น่าเชื่อว่า จะแต่งเรื่องราวดังกล่าวขึ้น รวมทั้งผู้เสียหายไม่เคยมีสาเหตุโกรธเคืองที่จะเบิกความกลั่นแกล้งให้จำเลยต้องรับโทษ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักน่าเชื่อถือว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง อันเป็นความผิดหลายกรรม
พิพากษา ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ฯ อันเป็นบทหนักสุด จำคุก 12 ปี, ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังฯ จำคุก 1 ปี และฐานให้ที่พักพิง หรือช่วยเหลือชาวต่างด้าว จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 14 ปี คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 7 ปี