ตำรวจเตรียมเสนอขออนุมัติหมายจับมือปาระเบิดใส่วังสวนผักกาด ชี้เป็นระเบิดขว้างสังหารชนิด M26 ผลิตในสหรัฐอเมริกา ชี้เกี่ยวโยงมือระเบิดบ้าน “อภิสิทธิ์” ยันเป็นมืออาชีพ
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดใส่วังสวนผักกาดของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า ในการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีการรายงานความคืบหน้าการตรวจสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดพบคนร้ายเป็นชาย 2 คน ใช้จักรยานยนต์เป็นพาหนะ มาจอดบริเวณริมถนนข้างรั้วด้านหน้าวังสวนผักกาด ก่อนที่จะขว้างระเบิดมาตกตรงบริเวณที่จอดรถ สำหรับระเบิดที่คนร้ายใช้พบว่าเป็นระเบิดขว้างสังหารชนิดเอ็ม 26 ผลิตในสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีใช้ในราชการทหารและตำรวจ และเป็นระเบิดชนิดเดียวกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุขว้างใส่บ้านพักนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และจากแผนประทุษกรรมเบื้องต้นเชื่อว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มคน หรือคนร้ายรายเดียวกัน
พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้สั่งการให้จัดชุดสืบสวนเร่งคลี่คลายคดีให้เร็วที่สุด โดยขณะนี้พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะภาพของคนร้ายที่ปรากฏในกล้องวงจรปิด เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับคนร้ายที่ก่อเหตุขว้างระเบิดใส่วังสวนผักกาดภายในวันนี้ ส่วนกรณีปาระเบิดใส่บ้านพักนายอภิสิทธิ์ อยู่ระหว่างตรวจสอบภาพจากกล้องจรปิด ซึ่งหากมีความชัดเจนก็จะขอศาลอนุมัติออกหมายจับเช่นเดียวกัน
“คนร้ายที่ก่อเหตุมีความชำนาญในการใช้ระเบิด ต้องขว้างเป็น เพราะหากขว้างไม่เป็นทิศทางจะไม่ได้ จากที่ตนไปตรวจที่เกิดเหตุ มีต้นไม้ สิ่งกีดขวาง ต้องมีการไปดูที่เกิดเหตุก่อน เพราะหากขว้างผิดอาจไปโดนกิ่งไม้หรือสายไฟ อาจกระดอนกลับมาได้ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบระเบิดที่คนร้ายใช้ที่กระเดื่องมีการลบหมายเลขของระเบิดทิ้งด้วย” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากแนวทางการสืบสวนทราบหรือไม่ว่ากลุ่มใดที่มีศักยภาพในการนำระเบิดขว้างสังหารมาใช้ก่อเหตุ พล.ต.อ.เอกกล่าวว่า ต้องรอผลการสืบสวนสอบสวนให้มีความชัดเจนก่อน การจะไประบุว่าเป็นกลุ่มใดโดยไม่มีพยานหลักฐานรองรับ อาจจะก่อให้เกิดความเสียหายได้ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคนร้ายต้องการสร้างสถานการณ์ หรือเป็นการข่มขู่ มากกว่าที่ประสงค์เอาชีวิต เพราะจากภาพในกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าคนร้ายได้ขับขี่จักรยานยนต์มาจอดก่อนขว้างระเบิดเข้าไป จากนั้นได้หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งจากมุมหรือทิศทางก็ชัดเจนว่าต้องการสร้างสถานการณ์เท่านั้น