ศาลจำคุก 14 ปี “อดีตลูกจ้างกรมสรรพาวุธทหารบก” จำหน่ายลำกล้องอาวุธปืนเอ็ม 16 แต่ข้อหาซื้ออาวุธปืนอาร์พีจีและเอ็ม 60 ไม่มีหลักฐานชัดเจน ยกประโยชน์แห่งความสงสัย ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ยกฟ้อง แต่ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์
วันนี้ (26 ธ.ค.) ที่ห้องพิจารณา 715 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.36/2554 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายศักดิ์ชัย เลิศเสถียร อายุ 44 ปี อดีตลูกจ้างฝ่ายเอกสาร สังกัดโรงงานอาวุธ กรมสรรพาวุธทหารบก, นายธีรวุฒิ ศรัทธาบุญ และ จ.ส.ต.ขจรพันธุ์ สว่างพงษ์ อดีตเจ้าหน้าที่กรมสรรพาวุธทหารบก เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันมี ซื้อและจำหน่ายอาวุธยุทธภัณฑ์ที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 และ พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 กรณีเมื่อวันที่ 29 ต.ค. 2552 จำเลยร่วมกันมีและซื้อขายอาวุธที่อาจนำไปใช้ในการรบหรือในการสงครามได้
ศาลพิเคราะห์แล้วพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์มีพยานเบิกความว่าสืบเนื่องจากเหตุการณ์คนร้ายลอบยิงพระภิกษุที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ต่อมาสืบทราบว่ามีการขายอาวุธให้กับคนร้ายในพื้นที่ภาคใต้ เจ้าหน้าที่ดีเอสไอจึงส่งสายลับไปติดต่อล่อซื้อกับกลุ่มขายอาวุธ โดยเมื่อช่วงเดือน ส.ค.2553 สามารถจับกุมนายศักดิ์ชัย จำเลยที่ 1 ได้ขณะติดต่อล่อซื้อลำกล้องปืนเอ็ม 16 จำนวน 5 ลำกล้อง ใน ราคา 15,000 บาท และยังเสนอขายซองกระสุนอาวุธปืนเอ็ม 16 ให้กับสายลับอีกจำนวน 20 ซองๆ ละ 650 บาท เป็นเงิน 13,000 บาท ต่อมาวันที่ 3-4 พ.ย. 2553 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมจำเลยที่ 2 และ 3 ได้ขณะกำลังทำการซื้อเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี และเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 60 มม.จากสายลับของดีเอสไอ ที่บริเวณลานจอดรถห้างบิ๊กซี สาขาวงศ์สว่าง
ทั้งนี้ พยานโจทก์ต่างเบิกความสอดคล้องกันว่า นายศักดิ์ชัยจำหน่ายอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ มียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยได้ติดต่อล่อซื้อ และได้บันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งได้โอนเงิน 15,000 บาท เข้าบัญชีจำเลยที่ 1 จริง เชื่อว่าจำเลยที่จำเลย 1 กระทำผิดจริง พิพากษาจำคุกรวม 18 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือ 12 ปี เมื่อรวมกับความผิดฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้านฯ ให้จำคุก 2 ปี คงจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 14 ปี พร้อมริบของกลางคืนแก่กรมสอบสวนคดีพิเศษ
ส่วนข้อหาร่วมกันซื้ออาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย เนื่องจากพยานโจทก์เบิกความไม่สอดคล้องกัน อีกทั้งไม่ปรากฎหลักฐานขณะส่งมอบอาวุธปืนจรวดอาร์พีจี และเครื่องยิงลูกระเบิดขนาด 60 ม.ม. และการต่อรองการซื้อขายอาวุธปืนจึงยังมีข้อน่าสงสัยว่านายศักดิ์ชัย จำเลยที่ 1 ร่วมกับนายธีรวุฒิ ศรัทธาบุญ จำเลยที่ 2 และจ.ส.ต.ขจรพันธุ์ สว่างพงษ์ จำเลยที่ 3 ซื้ออาวุธปืนจริงหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัย ยกฟ้องในข้อหานี้ ส่วนจำเลยที่ 2 และ 3 ให้ยกฟ้อง แต่ให้ขังไว้ระหว่างอุทธรณ์ ริบของกลางลำกล้องปืน ซองกระสุนปืน คืนเงิน 8 หมื่นบาท และโทรศัพท์เคลื่อนที่แก่เจ้าของ