ศอ.รส.อ้างการชุมนุม กปปส.ไม่เป็นไปอย่างสงบและมีการบุกสถานที่ราชการ พบอาวุธในพื้นที่การชุมนุม ป้ายสีแกนนำกำลังเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนบางส่วนเดินทางไปปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ระวังเข้มทำเนียบรัฐบาล-รัฐสภา-สตช.-บช.น.
วันนี้ (30 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองภายหลังนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือ กปปส. ได้ประกาศยกระดับการชุมนุมและจะบุกยึดสถานที่สำคัญหลายแห่งในวันที่ 1 ธ.ค.นี้่ ว่าขณะนี้ยังคงมีการชุมนุมอยู่หลายพื้นที่ทั้งเวทีถนนราชดำเนิน มีผู้ชุมนุม จำนวน 3,000 คน, กระทรวงการคลัง จำนวน 200 คน, ศูนย์ราชการ จำนวน 2,100 คน สะพานมัฆวานรังสรรค์ จำนวน 600 คน และแยกนางเลิ้ง จำนวน 200 คน ส่วนการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช.ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน มีผู้ชุมนุม 14,000 คน ขณะนี้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ศูนย์ราชการกำลังเคลื่อนตัวไปที่บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ยังมีการประกาศและชักชวนให้มวลชนเคลื่อนไปชุมนุมใกล้กับสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งมีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. จึงขอให้ประชาชนตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน และอย่าหลงเชื่อคำยุยงปลุกปั่น ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และเลี่ยงการถูกดำเนินคดี เนื่องจากขณะนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า การชุมนุมไม่ได้เป็นไปอย่างสงบและการบุกสถานที่ราชการก็ผิดกฎหมาย ตลอดจนมีการตรวจพบอาวุธในพื้นที่การชุมนุม
“ขณะนี้แกนนำของกลุ่มผู้ชุมนุมและพิธีกรบนเวทีได้นำเสนอผ่านโทรทัศน์ดาวเทียม และโซเชียลมีเดีย ว่า กำลังเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนบางส่วนเดินทางไปปะทะกับกลุ่มผู้ชุมนุมอีกกลุ่มที่ชุมนุมอยู่ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เหตุการณ์จะเกิดอะไรขึ้นครับ ในเมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมสองกลุ่มที่มีความคิดเห็นทางการเมืองที่แตกต่างกันมาปะทะกัน แล้วมีแกนนำของบางกลุ่มพยายามชักนำประชาชนที่อยู่ทางบ้าน อาจไม่รู้ข้อมูล อาจไม่รู้ข้อเท็จจริง ไม่รู้ตัวเลขผู้ชุมนุมที่ผมได้แจ้งให้ทราบ จึงอยากให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อคำยุยงปลุกปั่น” โฆษก ศอ.รส.กล่าว
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ตำรวจจะไม่ยอมให้กลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกสถานที่ราชการสำคัญอย่าง ทำเนียบรัฐบาล, รัฐสภา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจนครบาล เนื่องจากกระทบต่อการบริหารประเทศ เราจะรักษาพื้นที่ทรัพย์สินทางราชการ ยึดตามหลักสากล เน้นการเจรจาเป็นหลัก ทำไปตามขั้นตอน เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะเราจะทุกวิถีทางรักษาผืนแผ่นดินเท่าชีวิต ตอนนี้ตำรวจได้เพิ่มความเข้มในการดูแลหน่วยงานสำคัญ และท่าอากาศยานต่างๆ อย่างไรก็ตาม ศอ.รส.มีความยินดีและเชิญตัวแทนและหน่วยงานต่างๆ เช่น คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตลอดจนองค์กรด้านสิทธิมนุษย์ชน นักวิชาการ ตลอดจนสื่อมวลชน ร่วมสังเกตการณ์และเป็นพยานในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ ในส่วนท่าทีของนานาชาติได้แสดงความห่วงใยผ่านทางสถานทูต และหลายประเทศได้แจ้งพลเมืองให้เลี่ยงเดินทางมาประเทศไทย
โฆษก ศอ.รส.กล่าวด้วยว่า เมื่อเวลา 03.37 น.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ที่ตั้งจุดตรวจความมั่นคงบริเวณแยกประชาเกษม ด้านหลัง บช.น.ได้จับกุมนายเอกพล เถาทอง อายุ 31 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ พร้อมอาวุธปืนออโตเมติก ยี่ห้อโคลต์ และเครื่องกระสุนปืน จึงได้ควบคุมตัวดำเนินคดี นี่แสดงว่าในพื้นที่ชุมนุมไม่เป็นสถานที่ปลอดภัย คนที่นั่งชุมนุมอยู่ข้างๆ ท่านอาจมีอาวุธร้ายแรงซ่อนอยู่
