ASTVผู้จัดการ - ศาลเลื่อนตรวจหลักฐานคดีพันธมิตรฯ บุกทำเนียบเมื่อปี 51 ไป 3 มี.ค.ปีหน้า “สนธิ” ระบุภารกิจ “สุเทพ” สำเร็จ ทำให้มวลชนร่วมล้านคนออกมาต้านระบอบทักษิณ เผย ปชป.กึ่งลอยแพแกนนำม็อบ
ช่วงเช้าวันนี้ (28 พ.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 708 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดประชุมคดีตรวจพยานหลักฐาน คดีแกนนำพันธมิตรฯ บุกทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี 2551 คดีหมายเลขดำ อ. 4925/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสนธิ ลิ้มทองกุล กับพวกซึ่งเป็นแกนนำรวม 4 คน และคดีหมายเลขดำ อ.276/2556 ที่ยื่นฟ้องนายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกโดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และร่วมกันทำให้ให้เสียทรัพย์กรณีร่วมกันบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี 2551 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 358, 362 และ 365
โดยวันนี้อัยการโจทก์ได้แถลงขอนำพยานเข้าสืบจำนวน 40 ปาก พร้อมขอยื่นพยานเอกสารและวัตถุพยาน ส่วนนางอัจฉรา แสงขาว ทนายความจำเลย แถลงได้บัญชีพยานไว้แล้วบางส่วน แต่ขอยื่นบัญชีพยานเพิ่มเติมอีก 263 ปาก โดยส่วนใหญ่เป็นพยานกลุ่มผู้ชุมนุมและผู้ได้รับบาดเจ็บ ส่วนพยานเอกสารยังจัดเตรียมไม่เสร็จสิ้น จึงขอศาลเลื่อนนัดส่งพยานเอกสารไปอีก 1 นัด ศาลสอบถามโจทก์แล้วไม่คัดค้าน ศาลจึงเลื่อนนัดตรวจพยานหลักฐาน เป็นวันที่ 3 มี.ค. 2557 เวลา 09.00 น.
ภายหลังนายสนธิให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การชุมนุมที่นายสุเทพและแกนนำออกมาต่อต้านรัฐบาลและโค่นล้มระบอบทักษิณว่า ภารกิจของนายสุเทพถือว่าสำเร็จแล้ว และต้องชมเชยที่สามารถระดมมวลชนได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งวันนี้แม้ว่าจะแพ้หรือชนะก็คงไม่สำคัญแล้ว เพราะได้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองให้เห็นอย่างน้อย 2-3 อย่าง ประการแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือนักโทษชาย ไม่สามารถกลับบ้านได้ ปิดประตูที่จะเดินทางกลับมาประเทศไทย 2. พรรคเพื่อไทยจะไม่ยิ่งใหญ่หรือมีบารมีมากกว่าเดิม 3. สื่อมวลชนเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงกลับมานำเสนอข่าวกลุ่มผู้ชุมนุมมากขึ้น มีการเสนอภาพ และวิเคราะห์ข่าวมากขึ้น พรรคเพื่อไทยก็จะไม่อหังการ์เหมือนเดิม ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ก็ตกต่ำลงกว่าเก่า เหตุผลเพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่สนับสนุนนายสุเทพ เปรียบเสมือนกึ่งลอยแพ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นมาคือ อำนาจที่ 3 หรืออิทธิพลของทหาร วันนี้ พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.มีไพ่ให้เล่นหลายใบ ใบหนึ่งเล่นเข้าข้างนายสุเทพ ใบที่ 2 เล่นเข้าข้างยิ่งลักษณ์ หรือใบที่ 3 เล่นเพื่อให้ตัวเองได้เล่น เพราะฉะนั้นแล้วลักษณะการเมืองไทยในภาพรวมจะเปลี่ยนไปแบบนี้
นายสนธิกล่าวต่อว่า ตอนนี้อำนาจอยู่ที่กองทัพอย่างเดียว ทาง น.ส.ยิ่งลักษณ์ หรือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ต้องเจรจากับ ผบ.ทบ.อย่างเดียว หาทางที่จะส่งผลประโยชน์ให้แก่ผู้นำบางคนในกองทัพ และตั้งแต่เกิดมาตนไม่เคยเจอการชุมนุมครั้งไหนจะยิ่งใหญ่เท่าวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมาที่มีมวลชนมาล้านกว่าคน ประเด็นสำคัญ คือ ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษามาแล้วว่า ส.ส.300 กว่าคนผิด ส.ว. ประธานสภาฯ บอกว่าไม่ยอมรับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งทำไม่ได้ เพราะหากไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาล แล้วเราจะมีกฎหมาย มีหลักนิติรัฐ หลักนิติธรรมไว้ทำไม ก็ต้องย้อนถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าวันนี้มี ส.ส.และ ส.ว.ของฝ่ายรัฐบาลไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ถามว่า พล.อ.ประยุทธ์มองสังคมว่าอย่างไร มองสังคมกำลังไปได้ดีแล้วใช่หรือไม่ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ควรจะใช้ความสนิทสนมที่ตัวเองมีอยู่กับนายกฯ ยิ่งลักษณ์หรืออาจจะสนิทกับ พ.ต.ท.ทักษิณด้วย เพราะเคยบอกว่าไอ้ตู่ไว้ใจได้มาก ซึ่งทั้งสองอาจเคยเจอกันมาแล้วที่อเมริกา ส่วนจะมีอะไรหรือผลประโยชน์ร่วมกันหรือไม่ตนไม่ทราบ บอกว่าการที่จะให้ ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลอย่าทำได้หรือไม่ เสียหายถึงชาติบ้านเมือง กองทัพไม่มีที่ยืน วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์กลับเงียบ แต่ประชาชนเริ่มตื่น เริ่มรู้แล้วว่าชาติบ้านเมืองเป็นอย่างไร นี่คือคุณูปการของการชุมนุมที่ได้สร้างขึ้นมา ตอนนี้กองทัพต้องแสดงบทบาทว่ารัฐบาลทำอะไรไม่ถูกต้อง การที่มีกลุ่ม ส.ส.และ ส.ว.ไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาล กองทัพต้องออกมาบอกว่า บ้านเมืองต้องมีกติกา มันต้องแสดงออกบ้าง