โฆษก ศอ.รส. ชี้แจงสถานการณ์ม็อบ ยันวันที่ 11 พ.ย.ไม่มีสลายการชุมนุม เผย สน.นางเลิ้ง ออกหมายเรียกทนายนิติธร ล้ำเหลือ-อุทัย ยอดมณี แกนนำ คปท. ข้อหาฝ่าฝืนเข้าเขตพื้นที่ พ.ร.บ.มั่นคงฯ
วันนี้่ (10 พ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย หรือ ศอ.รส. พร้อมด้วย พล.ต.ต.อนุชา รมยะนันท์ รองโฆษก ศอ.รส. แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่อต้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ว่า จากข้อมูลด้านการข่าวพบว่า มีกลุ่มบุคคลต่อต้านรัฐบาลที่พยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงในหลายพื้นที่ระหว่างการชุมนุม เพื่อต้องการให้รัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ และบริหารราชการได้ ซึ่ง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ได้กำชับฝ่ายสืบสวนหาข่าวความเคลื่อนไหวของกลุ่มไม่หวังดีอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มงวดในการตั้งจุดตรวจค้นบุคคล และยานพาหนะต้องสงสัย ซึ่งอาจขนย้าย ลำเลียงอาวุธ และวัตถุระเบิด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่อยู่ในรัศมีการยิงจากอาวุธยิงระยะไกล 400 เมตร รอบการชุมนุม และให้จัดเตรียมชุดปฎิบัติการพิเศษ ชุดเคลื่อนที่เร็วหน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด EOD บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ชุดอำนวยความสะดวกด้านจราจร พร้อมจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ เช่น รถยก รถส่องสว่าง รถเครื่องเสียง รถกระเช้า รถดับเพลิง และรถพยาบาล รวมทั้งเครื่องมือสื่อสาร
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มการเคลื่อนไหวของกลุ่มคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ว่า อยากให้องค์กรสิทธิต่างๆ รวมทั้งสื่อมวลชนเข้าร่วมสังเกตการณ์การทำงานของตำรวจทุกขั้นตอน เพราะการข่าวทราบว่า ทุกกลุ่มมีความพยายามที่จะยกระดับ และสร้างสถานการณ์ความวุ่นวายให้เกิดขึ้น ซึ่งยืนยันว่า ตำรวจจะไม่มีการสลายการชุมนุม หรือใช้ความรุนแรง นอกจากกลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาในพื้นที่ที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้นำป้ายแจ้งเตือน และประกาศพื้นที่ใช้แก๊สน้ำตาติดให้ประชาชนทราบแล้ว เนื่องจากเขตประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงฯ จะมีขั้นตอนในการใช้กำลังตามยุทธวิธีอยู่แล้ว ซึ่งการใช้แก๊สน้ำตาถือว่าเป็นขั้นตอนตามปกติในการยับยั้งกลุ่มผู้ชุมนุม ทั้งนี้ ได้จัดชุดตำรวจจราจร และตำรวจควบคุมฝูงชน อำนวยความสะดวกแก่ผู้ชุมนุมกรณีมีการเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะสถานทูตกัมพูชา และบ้านพักบุคคลสำคัญ มีการสั่งการให้จัดชุดเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลป้องกันเหตุ
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงกรณีที่มีการโพสต์ข้อความทางโซเชียลมีเดียที่คลาดเคลื่อนกับข้อเท็จจริง จนทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ หรือทำให้ประชาชนตื่นตระหนก ศอ.รส. จึงขอให้พี่น้องประชาชนระมัดระวังในการโพสต์ข้อความอันเป็นเท็จ และควรรับฟังข้อมูลประกอบหรือตรวจสอบข่าวที่เป็นข้อเท็จจริง รวมถึงใช้วิจารณญาณให้ดีก่อนการลงข้อความ หรือโพสต์ใดๆ ซึ่งการกระทำในการนำข้อมูลอันเป็นเท็จที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติ และประชาชน จะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 อนุ (1) (2) และ (5) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โฆษก ศอ.รส. กล่าวว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ได้ออกหมายที่ 760/2556 เรียกนายนิติธร ล้ำเหลือ และนายอุทัย ยอดมณี แกนนำกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาและประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ให้มารับทราบข้อกล่าวหา จากการนำผู้ชุมนุมฝ่าฝืนเข้าพื้นที่ พ.ร.บ.ความมั่งคงฯ บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และมีการทำลายสิ่งกีดขวาง เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนผู้ที่กระทำผิดรายอื่นๆ ทางเจ้าหน้าที่จะทยอยออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาต่อไป