ตร.ขมวดปมขัดแย้งในครอบครัวปมฆ่า “เอ็กซ์ จักรกฤษณ์” สอบเพิ่ม 2 พี่ชายต่างมารดา “หมอนิ่ม” หลังพบเบาะแสมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างรุนแรง เรื่องฮุบสมบัติและเงินกู้ยืม ซื้อขายรถสปอร์ตหรู ก่อนชงเรื่องเสนอ ผบช.น เพื่อขออนุมัติหมายจับศุกร์นี้ ด้าน ผบ.ทอ.เชื่อ 4 สห.ทอ.ไม่เอี่ยวคดีสังหาร “เอ็กซ์” สั่ง ผบ.ดม.ดูแลกำลังพลรับจ๊อบ รปภ.ชี้สุ่มเสี่ยง
วันนี้ (30 ต.ค.) พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำสารวัตรทหารอากาศ (สห.ทอ.) จำนวน 4 นาย ที่ถูกว่าจ้างให้มาทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ หรือ หมอนิ่ม ภรรยาของนายจักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม หรือ เอ็กซ์ อดีตนักแม่นปืนทีมชาติไทย ว่า สห.ทอ.ทั้ง 4 นาย ไปทำหน้าที่คุ้มกันให้กับ พญ.นิธิวดี นอกเวลาราชการ ไม่ได้แต่งเครื่องแบบและพกอาวุธ ถือว่าสามารถทำได้ ทั้งนี้มีข้อห่วงใยในการที่จะให้ข้าราชการไปทำงานในลักษณะที่สุ่มเสี่ยงต่อคดีต่างๆ จึงได้มอบหมายให้ พล.อ.ต.ปรเมศร์ เกษโกวิท ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง (ผบ.ดม.) ไปดูแลกำลังพล รวมทั้งได้สั่งการว่าหากไม่จำเป็นก็ไม่อยากให้ไปเกี่ยวข้องกับงานในลักษณะแบบนี้ เพราะมีความสุ่มเสี่ยงขัดแย้งกับบุคคลที่สาม
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า สห.ทอ.ทั้ง 4 นาย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลอบยิงนายจักรกฤษณ์ ตนได้แนะนำให้ สห.ทอ.ทั้ง 4 คน กลับมาทำงานราชการตามปกติ ส่วนผู้ที่จะทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย พญ.นิธิวดี แทนนั้น ตนไม่แน่ใจ โดยกำลังให้ ผบ.ดม.ไปติดตาม
ด้าน พล.ต.ต.ชยุต ธนทวีรัชต์ รอง ผบช.น.รับผิดชอบงานด้านการสอบสวน กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี กำลังสอบปากคำพยานและคนใกล้ชิดของทั้งสองฝ่ายอย่างต่อเนื่อง และจะมีการเรียกสอบเพิ่มเติมคนที่เคยสอบสวนไปแล้วในเรื่องที่เกี่ยวข้อง โดยฝ่ายสืบสวนได้ให้ประเด็นบางส่วนเพิ่มเติมเข้ามาเรื่อยๆ เพราะการสอบสวนครั้งแรกอาจขาดตกบกพร่องไป จึงจำเป็นต้องเรียกสอบซ้ำอีกบางคนสอบซ้ำถึง 4-5 ครั้ง โดยกำชับพนักงานสอบสวนให้ทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบและสอบให้ครบทุกเรื่องในประเด็นที่เป็นความขัดแย้งภายในครอบครัวซึ่งคนที่เรียกสอบนั้นส่วนใหญ่จะเป็นญาติและคนใกล้ชิดกับผู้ตาย รวมถึงคนในครอบครัวของ พญ.นิธิวดี ภู่เจริญยศ ภรรยาผู้ตาย ซึ่งพนักงานสอบสวนสามารถเรียกมาสอบสวนได้อีกหากมีบางเรื่องที่สงสัย
ขณะที่แหล่งข่าวระบุว่า ขณะนี้ทางทีมสืบสวนกำลังเชื่อมโยงพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมเรียกสอบปากคำพยานเพิ่มเติมในบางประเด็นที่ยังไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ โดยชุดสืบสวนได้นำพยานหลักฐานต่างๆ ส่งมอบให้ฝ่ายสอบสวน สน.มีนบุรีดำเนินการต่อ เพื่อเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบสวนเพิ่มเติม และพบประเด็นความโกรธแค้นของผู้ตายที่มีต่อภรรยา เนื่องจากไม่พอใจที่นำเงินบางส่วนไปให้ญาติกู้ยืมโดยไม่บอกกล่าว จึงไปต่อว่าด่าทอคนในครอบครัวของภรรยา กลายเป็นปมเหตุความขัดแย้งสะสมในประเด็นปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้น ซึ่งแตกย่อยไปหลายสาเหตุต่างกรรมต่างวาระกัน พนักงานสอบสวนจะต้องสอบสวนในแต่ละเรื่องให้กระจ่างชัดเจนมากที่สุดรวมถึงเรื่องการซื้อขายรถสปอร์ตหรู ระหว่างนายจักรกฤษณ์ กับญาติฝ่ายภรรยา รวมถึงเรื่องการทำประกันชีวิตที่มีวงเงินหลายสิบล้านบาทของ นายจักรกฤษณ์ ซึ่งมีบางแง่มุมที่ทีมสืบสวนนั้นให้ความสนใจ
“ขณะเดียวกันจะมีการเรียกสอบปากคำพี่ชายต่างมารดาของหมอนิ่มเพิ่มเติม คือนายโต่ง และนายหนุ่ย ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งยังอยู่ในข่ายที่ตำรวจเตรียมเรียกมาสอบปากคำซ้ำอีกในบางประเด็น ส่วนการหาตัวผู้จ้างวานสังหารในครั้งนี้ ทีมสืบสวนให้ความสนใจมุ่งไปที่ญาติคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อมูล เพื่อที่จะเชื่อมโยงกับทีมสังหารต่อไป” แหล่งข่าวระบุ
ที่ สน.มีนบุรี พ.ต.อ.เอก เอกศาสตร์ รอง ผบก.น.3 กล่าวถึงความคืบหน้าคดีว่า ชุดสอบสวนอาจจะเรียกหมอนิ่ม และพี่ชายต่างมารดาทั้งสองคนมาสอบปากคำอีกครั้ง แต่ทางพ่อแม่ของนายจักรกฤษณ์ ตำรวจคงไม่เรียกมาสอบปากคำแล้ว เพราะตอนนี้เจ้าหน้าที่มุ่งประเด็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างนายจักรกฤษณ์ กับครอบครัวของหมอนิ่มเป็นหลัก
ด้าน พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง ผกก.สส.บก.น.3 กล่าวว่า ทางตำรวจกำลังตรวจสอบปมความขัดแย้งที่อาจเป็นชนวนสังหาร โดยมีประเด็นเรื่องความหึงหวงระหว่างนายจักรกฤษณ์ กับภรรยา ที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบอยู่ แต่ก็ยังมีหลายประเด็นที่น่าจะเกี่ยวข้อง ซึ่งก็ต้องใช้เวลาตรวจสอบให้แน่ชัดเพื่อหาหลักฐานและนำเข้าที่ประชุมเพื่อตัดประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป
ขณะที่ พ.ต.ท.พงศ์กิตติ์ พินิจลิขิตศักดิ์ รอง ผกก.สส.สน.มีนบุรี กล่าวว่า สำหรับประเด็นหึงหวงนั้น ถือว่าเป็นนิสัยปกติของเอ็กซ์-จักรกฤษณ์ อยู่แล้ว เพราะเป็นคนใจร้อน ที่ผ่านมาก็มีปัญหาทะเลาะกับคนอื่นด้วย แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่อาจตัดประเด็นนี้ทิ้งไปได้ ต้องทำการสืบสวนต่อไป รวมถึงดูประเด็นอื่นๆ ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของนายจักรกฤษณ์ ก่อนจะรายงานในที่ประชุมกับทางผู้บังคับบัญชาที่ บช.น.ในวันศุกร์นี้ต่อไป
นอกจากนี้ชุดสืบสวน สน.มีนบุรี ได้ทำการค้นหาเบาะแสเพิ่มเติมภายในรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ คันที่นายจักรกฤษณ์ ถูกยิงเสียชีวิต พบกรอบรูปนายจักรกฤษณ์ ที่ถ่ายพร้อมกับลูกสาว อีกทั้งยังพบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง รุ่นกาแล็คซี่ ซูม จำนวน 1 เครื่อง โดยใช้เวลาตรวจสอบภายในรถยนต์คันดังกล่าวประมาณ 40 นาที ก่อนที่จะนำโทรศัพท์มือถือเครื่องดังกล่าวมาตรวจสอบยังห้องสืบสวน ซึ่งอาจจะมีเบาะแสอะไรบางอย่างที่อยู่ภายในตัวเครื่องที่สามารถเชื่อมโยงกับประเด็นความขัดแย้งของทั้งสองครอบครัว ซึ่งในขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อเชื่อมโยงเบาะแสการลอบสังหารนายจักรกฤษณ์ต่อไป
