กรมคุมประพฤติเตรียมนำมาตรการลงโทษระดับกลางมาใช้ในประเทศไทย ทั้งการคุมความประพฤติแบบเข้มงวด การทำงานบริการสังคม การควบคุมด้วยเครื่องมือ เพื่อแก้ปัญหาคนล้นคุก
วันนี้ (4 ต.ค.) ที่กรมคุมประพฤติ น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงนโยบายการแก้ปัญหาคนล้นคุก ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดไว้ โดยการปฏิรูประบบการลงโทษด้วยการนำมาตรการไม่ควบคุมตัว (Non-custodial Measurement) มาใช้ เพื่อให้มีทางเลือกในการลงโทษมากยิ่งขึ้น และการนำมาตรการลงโทษระดับกลาง (Intermediate Punishment) มาใช้ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา นับเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อเป็นการการนำมาตรการลงโทษระดับกลางมาใช้ในประเทศไทย กรมคุมประพฤติจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการนำมาตรการลงโทษระดับกลางมาใช้ในประเทศไทยขึ้น เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายนัทธี จิตสว่าง ที่ปรึกษาโครงการในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นที่ปรึกษา โดยมีอำนาจหน้าที่สำคัญในการพิจารณาและนำเสนอเกี่ยวกับแนวทางด้านกฎหมาย แนวทาง รูปแบบและวิธีการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำมาตรการลงโทษระดับกลางมาใช้ในระบบงานคุมประพฤติประเทศไทย
อธิบดีกรมคุมประพฤติกล่าวว่า คณะกรรมการเตรียมการนำมาตรการลงโทษระดับกลางมาใช้ในประเทศไทยได้มีการประชุม ครั้งที่ 1/2556 ไปแล้วเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ผลการประชุมสรุปได้ว่า งานคุมประพฤติในปัจจุบันที่สามารถพัฒนามาเป็นมาตรการลงโทษระดับกลางได้ทันที คือ การคุมความประพฤติแบบเข้มงวด (Intensive Probation Supervision), การทำงานบริการสังคม (Community Service), การควบคุมด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring), การปรับปรุงบ้านกึ่งวิถีที่กรมคุมประพฤติมีอยู่แล้วเป็นศูนย์คุมประพฤติ (Probation Center) และศูนย์บริการกลางวัน( Day Center) ทั้งนี้เห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการมีการยกร่างแผนการดำเนินงานระยะสั้น ระยะปานกลาง เพื่อเสนอต่อที่ประชุมในการประชุมครั้งต่อไป
สำหรับแผนระยะสั้นนั้นควรพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของบุคลากรและแนวทางการพิจารณาปรับปรุงงานคุมประพฤติที่มีอยู่ เช่น การคุมความประพฤติแบบเข้มงวด การทำงานบริการสังคม และบ้านกึ่งวิถี เป็นต้น อย่างไรก็ตาม งานที่สามารถดำเนินการเป็นมาตรการลงโทษระดับกลางได้ทันที พร้อมทั้งปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม สำหรับแผนการดำเนินงานระยะปานกลางควรพิจารณายกร่างกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง การแก้ไขกฎหมาย และการปรับโครงสร้างหน่วยงานและอัตรากำลัง
วันนี้ (4 ต.ค.) ที่กรมคุมประพฤติ น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวถึงนโยบายการแก้ปัญหาคนล้นคุก ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมได้กำหนดไว้ โดยการปฏิรูประบบการลงโทษด้วยการนำมาตรการไม่ควบคุมตัว (Non-custodial Measurement) มาใช้ เพื่อให้มีทางเลือกในการลงโทษมากยิ่งขึ้น และการนำมาตรการลงโทษระดับกลาง (Intermediate Punishment) มาใช้ในกระบวนการยุติธรรมทางอาญา นับเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหาดังกล่าว เพื่อเป็นการการนำมาตรการลงโทษระดับกลางมาใช้ในประเทศไทย กรมคุมประพฤติจึงได้แต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการนำมาตรการลงโทษระดับกลางมาใช้ในประเทศไทยขึ้น เมื่อวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยมีนายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และนายนัทธี จิตสว่าง ที่ปรึกษาโครงการในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา เป็นที่ปรึกษา โดยมีอำนาจหน้าที่สำคัญในการพิจารณาและนำเสนอเกี่ยวกับแนวทางด้านกฎหมาย แนวทาง รูปแบบและวิธีการดำเนินงานเกี่ยวกับการนำมาตรการลงโทษระดับกลางมาใช้ในระบบงานคุมประพฤติประเทศไทย
อธิบดีกรมคุมประพฤติกล่าวว่า คณะกรรมการเตรียมการนำมาตรการลงโทษระดับกลางมาใช้ในประเทศไทยได้มีการประชุม ครั้งที่ 1/2556 ไปแล้วเมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ผลการประชุมสรุปได้ว่า งานคุมประพฤติในปัจจุบันที่สามารถพัฒนามาเป็นมาตรการลงโทษระดับกลางได้ทันที คือ การคุมความประพฤติแบบเข้มงวด (Intensive Probation Supervision), การทำงานบริการสังคม (Community Service), การควบคุมด้วยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring), การปรับปรุงบ้านกึ่งวิถีที่กรมคุมประพฤติมีอยู่แล้วเป็นศูนย์คุมประพฤติ (Probation Center) และศูนย์บริการกลางวัน( Day Center) ทั้งนี้เห็นควรให้ฝ่ายเลขานุการมีการยกร่างแผนการดำเนินงานระยะสั้น ระยะปานกลาง เพื่อเสนอต่อที่ประชุมในการประชุมครั้งต่อไป
สำหรับแผนระยะสั้นนั้นควรพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของบุคลากรและแนวทางการพิจารณาปรับปรุงงานคุมประพฤติที่มีอยู่ เช่น การคุมความประพฤติแบบเข้มงวด การทำงานบริการสังคม และบ้านกึ่งวิถี เป็นต้น อย่างไรก็ตาม งานที่สามารถดำเนินการเป็นมาตรการลงโทษระดับกลางได้ทันที พร้อมทั้งปัจจัยต่างๆ ที่จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม สำหรับแผนการดำเนินงานระยะปานกลางควรพิจารณายกร่างกฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง การแก้ไขกฎหมาย และการปรับโครงสร้างหน่วยงานและอัตรากำลัง
