เกิดเหตุ 2 ผู้ต้องหาคดีเสพยาเสพติดและชิงทรัพย์แหกห้องขังโรงพักหลักสอง เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาขณะฝนตก ด้าน ผบก.น.9 สั่งตั้งกรรมการสอบ พร้อมสั่งชุดสืบสวนออกหมายจับไล่ล่าตัวกลับมาดำเนินคดี
วันนี้ (26 ก.ย.) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.ภาณุเดช สุขวงศ์ ผกก.สน.หลักสอง รับแจ้งจาก พ.ต.ต.อมร ยังมี สวป.สน.หลักสอง ว่า มีผู้ต้องหาได้หลบหนีจากห้องขังของ สน.หลักสอง จากบริเวณห้องขังที่อยู่บริเวณชั้น 2 จึงรุดไปตรวจสอบห้องควบคุมผู้ต้องหา พร้อม พ.ต.อ.ทักษิณ พ่วงเงิน รอง ผบก.บก.น.9
ที่เกิดเหตุภายใน สน.หลักสอง ซึ่งเป็นอาคารสูง 3 ชั้น เมื่อตรวจสอบบริเวณชั้น 2 ที่เป็นห้องควบคุมผู้ต้องหา บริเวณห้องขังท้ายสุด ซึ่งมีผู้ต้องหาที่ถูกคุมขังอยู่จำนวน 17 คน โดยจากการตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ได้มีผู้ต้องหาหายไปจำนวน 2 คน เหลือเพียง 15 คน ทราบชื่อต่อมาภายหลังคือ นายอุดมศักดิ์ โหมดวิจิตร์ อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาคดีอาญา เลขที่ 1553/2556 ในข้อหาเสพยาเสพติด ถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 25 ก.ย.เวลาประมาณ 01.30 น.และ นายยงยุทธ ชมมาลัย อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับเลขที่ 586/2548 ในข้อหาชิงทรัพย์ ถูกควบคุมตัวเมื่อวันที่ 25 ก.ย.เวลาประมาณ 09.30 น.จากการตรวจสอบบริเวณพื้นภายในห้องขังดังกล่าว พบเศษผ้าที่ถูกฉีกเป็นเส้นๆ มัดเป็นเชือก ยาวประมาณ 4 เมตร อีกด้านถูกมัดติดกับขวดน้ำ โดยภายในขวด พบใบเลื่อยขนาด 1 ฟุต กว้าง 1 ซม.จำนวน 5 ใบ พบร่องรอยการใช้งานไปแล้ว 4 ใบ ยังไม่ได้ใช้ 1 ใบ ใกล้กันนี้ยังพบซี่กรงขนาดประมาณ 8 หุน ยาว 8 นิ้ว ที่ถูกตัดออกมา 2 ซี่ ตกอยู่บริเวณพื้นห้อง
พ.ต.อ.ภาณุเดช กล่าวว่า จากการสอบสวน ทำให้ทราบว่าภายในห้องขังนั้น มีผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวอยู่ทั้งหมด 17 คน แต่คนที่หลบหนีไปมีเพียงแค่ 2 คน โดยมีสิบเวรผู้ควบคุมดูแลคือ ด.ต.สมภักดิ์ นนพละ จากการสอบถามทราบว่า ช่วงประมาณ 00.17 น.ซึ่งขณะนั้นเป็นเวลาตรวจเช็กห้องขัง และพบว่ายังอยู่ครบ กระทั่งเวลาประมาณ 08.00 น.พบว่าผู้ต้องหาได้หลบหนีไปแล้ว ทั้งนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 17 คนนั้น ได้ผ่านขั้นตอนการตรวจค้นร่างกายเพื่อหาสิ่งที่ต้องห้าม และลงบันทึกก่อนนำฝากขังตามระเบียบการทุกอย่างแล้ว
พ.ต.อ.ภาณุเดช เผยต่อว่า ส่วนวิธีการที่คาดว่าคนร้ายจะใช้หลบหนี คือ ใช้วิธีการเปิดมุ้งลวดบริเวณลูกกรง จากนั้นใช้เชือกที่ทำจากเศษผ้า มัดกันจนยาวประมาณ 4 เมตร อีกด้านผูกกับขวดน้ำเพื่อเพิ่มน้ำหนัก ก่อนจะโยนผ่านหน้าต่างกรงขังจากชั้น 2 ลงไปยังบริเวณชั้น 1 จากนั้นคาดว่าน่าจะมีบุคคลภายนอกซึ่งน่าจะเป็นญาติ นำใบเลื่อยจำนวน 5 ใบ ใส่ลงในขวดน้ำ จากบริเวณชั้น 1 ก่อนที่ 1 ใน 2 ผู้ต้องหาจะดึงเชือกขึ้นมายังบริเวณห้องขัง จากนั้นได้ใช้ใบเลื่อยที่ได้รับเลื่อยลูกกรงออก และปีนออกจากลูกกรงเพื่อออกมายังระเบียงชั้น 2 และหลบหนีไป นอกจากนี้จากการสอบสวนผู้ต้องหาที่เหลือทั้ง 15 คน บางส่วนให้การว่า ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ฝนตกหนัก และหลับกันอยู่ จึงไม่ได้ยินเสียง หรือทราบรายละเอียดที่แน่ชัด ต้องรอสอบสวนผู้ต้องหาที่เหลืออีกบางส่วน
เบื้องต้นได้ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นมา เพื่อหาความจริงและออกหมายจับ เพิ่มกับทั้ง 2 ผู้ต้องหา ในข้อหาร่วมกันหลบหนีในระหว่างที่ควบคุมขัง นอกจากนี้ได้สั่งการให้ชุดสืบสวน ของ บก.น.9 และทีมสืบสวน สน.หลักสอง ออกไล่ล่าผู้ต้องหาทั้งสองคน ที่คาดว่าน่าจะหลบหนีไปกบดานอยู่ตามบริเวณบ้านญาติ เพื่อมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป