สตช.ประสานฝ่ายปกครอง ติดตามสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมยางพารา คาดยกระดับ 5 จุดในพื้นที่ ชี้แกนนำในการชุมนุมเชื่อมโยงกับม็อบสวนลุมพินี ประเมินผลก่อนประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า สถานการณ์การชุมนุมตอนนี้ยังมีการชุมนุมอยู่ทั้ง 2 จุด คือบริเวณแยกบ้านตูล และแยกควนหนองหงส์ การชุมนุมมีผู้ชุมนุมอยู่ 40-50 คน และจะเริ่มเยอะในช่วงเย็น และลดน้อยลงในช่วงดึก จะเป็นลักษณะเช่นนี้ประจำ ตำรวจยังอยู่นอกพื้นที่ไม่น้อยกว่า 10 กม.ยังไม่สามารถเข้าพื้นที่ได้ กลุ่มผู้ชุมนุมยังดูแลกันเอง ตอนนี้จากการข่าวของตำรวจในขณะนี้ พบมีความพยายามปล่อยข่าว ในลักษณะยั่วยุ สร้างสถานการณ์ ปลุกเร้ามวลชน และยกระดับการชุมนุมของกลุ่มเกษตรกรสวนยางพารา ในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพร กระบี่ ตรัง
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า ส่วนความคืบหน้าของคดียิงการ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาพล.ต.อ.รชต เย็นทรวง ที่ปรึกษา สบ10 พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดได้สอบปากคำผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช พนักงานสอบสวนรายงานว่า ได้สอบปากคำไปแล้ว 4 ปากเป็นแพทย์และผู้ได้รับบาดเจ็บ และสอบอีก 6 ปากเป็นกลุ่มวัยรุ่น และการ์ดที่อยู่ในเหตุการณ์ เมื่อวานนี้ทางโรงพยาบาลได้แถลงผลการชันสูตร พบบาดแผลผู้เสียชีวิต 2 จุด เป็นรูกลมรี ขนาด 0.77 มม.ผู้บาดเจ็บ 1 จุด ลักษณะบาดแผลเป็นการยิงในระยะใกล้ ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถเข้าไปในระยะใกล้ขนาดนั้นได้ อยู่ห่างประมาณ 10 กม.คนนอกไม่สามารถเข้าไปได้ ตอนนี้การเข้าพื้นที่เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนไม่ได้รับความร่วมมือจากกลุ่มผู้ชุมนุม กลุ่มผู้ชุมนุมยอมให้ตำรวจเข้าไปเก็บรวบรวมพยานหลักฐานเพียง 5 คนเท่านั้น โดยมีการปลดอาวุธและให้ญาติของผู้ตายพาเข้าไป พร้อมมีสื่อมวลชนไปเป็นพยาน ผบ.ตร.ได้ให้ พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัติ รอง ผบ.ตร.ลงไปดูเรื่องสำนวนการสอบสวนให้มีความรัดกุมมากขึ้น
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า จากการข่าวพบว่ามีแกนนำ 2 คน พยายามปลุกเร้า ยั่วยุเพื่อจะยกระดับความรุนแรงของการชุมนุม ซึ่งจะมีการตรวจสอบว่า มีหมายจับค้างเก่าหรือไม่ นอกจากนั้นยังพบว่าการชุมนุมมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่สวนลุมพินี เพราะพบมีการแกนนำบางคนที่ขึ้นเวทีที่สวนลุมพินีไปร่วมในการชุมนุมด้วย ส่วนการชุมนุมในวันพรุ่งนี้ จากการข่าวจะมีการเคลื่อนไหวเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ 5 จุด ได้แก่ บริเวณสหกรณ์อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจะมีผู้ชุมนุมมากที่สุด ประมาณ 3 พันคน บริเวณแยกควนหนองหงส์ ศาลากลางจังหวัดชุมพร ศาลากลางจังหวัดกระบี่ และ ศาลากลางจังหวัดตรัง ซึ่งแต่ละจุดจะมีผู้ชุมนุมประมาณ 300 คน และเริ่มทยอยเข้าพื้นที่ ส่วนพื้นที่จังหวัดอื่นในภาคอีสานและภาคเหนือ ไม่พบการเคลื่อนไหวชุมนุม
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ประสานฝ่ายปกครองติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ให้อำนาจผู้บัญชาการสามารถเรียกกำลังเสริมในพื้นที่ใกล้เคียงมาประกอบกำลังได้ ประชาสัมพันธ์ห้ามปิดถนนหรือทางรถไฟเด็ดขาด เพราะจะกระทบการเดินทางของประชาชน หากพบให้เก็บหลักฐานทั้งภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในภายหลัง ส่วนจะมีการใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง หรือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือไม่ จะนำมาพิจารณา หากการชุมนุม ส่อเค้ารุนแรง
