ดีเอสไอรวบสองผัวเมียเอเยนต์แก๊งลักรถข้ามชาติ

ดีเอสไอรวบสองผัวเมียขบวนการลักรถส่งข้ามชาติ เตือนประชาชนยังไม่มีการป้องกันหลังกดรีโมตล็อกรถให้เช็กทุกครั้งว่าล็อกจริงหรือไม่

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (23 ส.ค.) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบบดีดีเอสไอ พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุพัตน์ ธรรมธนารักษ์รอง ผบ.สำนักเทคโนโลยีและศูนย์ข้อมูลการตรวจสอบ ดีเอสไอ แถลงผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ออกหมายจับในคดีพิเศษ ที่ 154/2556 กรณีกลุ่มขบวนการโจรกรรมรถยนต์ในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา และนำรถยนต์ส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้ทำการจับกุมตัวนายธงชัย หรือหนุ่ย กตะศิลา ผู้ต้องหาในคดีโจรกรรมรถยนต์ส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้าน พร้อมด้วยของกลางหลายรายการ ซึ่งได้แถลงข่าวให้สื่อมวลชนทราบแล้วนั้น ต่อมานายธาริตได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดติดตามเร่งทำการจับกุมผู้ต้องหาในขบวนการส่งรถยนต์ที่โจรกรรมไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทำการหลบหนีอยู่หลายคนโดยเร็ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 ส.ค. เวลาประมาณ 09.00 น. เจ้าหน้าที่ดีเอสไอได้นำกำลังเข้าจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ 1. นายสันติสุข หรือชิปปี้ กุลอ่อน อายุ 20 ปี และ 2. น.ส.อรรถยา หรือออย หรือหนิง พรหมกลศ อายุ 30 ปี โดยผู้ต้องหาทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน พักอยู่บ้านเลขที่ 276หมู่ 4 หมู่บ้านข้าวสาร ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี พร้อมของกลางโทรศัพท์เคลื่อนที่ 5 เครื่อง และ CPU คอมพิวเตอร์ 1 เครื่อง ทั้งนี้ในชั้นจับกุมผู้ต้องหาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองรายทำหน้าที่เป็นเอเยนต์รับคำสั่งหารถยนต์นั่ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ และรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ จากในประเทศ จากนั้นผู้ต้องหาได้ติดต่อไปยังนายตรีทศพล หรือตั้ม วิเชียรโรจน์ ที่ยังหลบหนีอยู่ให้เป็นผู้ลงมือโจรกรรมรถยนต์ตามใบสั่ง ซึ่งการโจรกรรมรถนั้นผู้ต้องหาใช้เทคนิคทางรีโมตคอนโทรลใช้สัญญาณตัดการทำงานการล็อกรถเป้าหมาย ส่งผลให้การกดรีโมตของเจ้าของรถไม่เป็นผล โดยเจ้าของรถไม่รู้ตัวและคิดว่ารถล็อกแล้ว หลังจากนั้นผู้ต้องหาจะใช้เวลาช่วงที่เหยื่อเข้าไปเลือกซื้อสินค้าลงมือกระทำความผิดโจรกรรมรถแล้วหลบหนีไป และเมื่อได้รถยนต์ตามใบสั่งแล้ว จะนำรถไปพักไว้ที่ จ.อุดรธานี เพื่อเตรียมส่งไปขายต่อที่ประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านชายแดน จ.นครพนม น.ส.อรรถยาจะเป็นคนติดต่อให้ผู้ต้องหา ซึ่งยังหลบหนีอยู่ ซึ่งราคาขายรถบางคันสูงถึง 300,000 บาท และได้ค่าตอบแทน 20,000 บาทต่อคัน ทั้งนี้ราคาขายจะขึ้นอยู่กับสภาพรถที่โจรกรรมมา อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอจะเร่งขยายผลเพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดที่เป็นผู้ดำเนินการนำรถไปขายที่ประเทศเพื่อนบ้านมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายธาริตกล่าวว่า อยากฝากเตือนไปยังประชาชนที่มีรถยนต์และใช้รีโมตในการล็อกประตูรถว่าขณะนี้ยังไม่มีวิธีแก้ไขหรือป้องกัน จึงอยากย้ำเตือนเจ้าของรถให้ตรวจสอบประตูรถทุกครั้งที่กดรีโมตล็อกรถว่ารถถูกล็อกแล้วจริงหรือไม่