“ธาริต” ปัดไม่มีเจตนาก้าวล่วงเบื้องสูง อ้างพูดแค่เรื่อง “มัลลิกา-นายกฯ”

“ธาริต” ปัดไม่มีเจตนาก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ ระบุพูดแค่เรื่องระหว่าง “มัลลิกา-นายกฯ” ชี้ “ติ่ง” ไม่เหมือน ปชช.ทั่วไปที่แชร์ภาพ เพราะเป็นฝ่ายค้านและผู้มีความรู้

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 19 ส.ค.ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่มีนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. เดินทางมาที่ดีเอสไอเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปปัตย์ (ปชป.) และผู้ร่วมกระทำความผิด ที่โพสต์รูปภาพที่เชื่อว่ามีการตัดต่อของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั้น ตนคงไม่ชี้แจงเนื่องจากตนได้ไปดูคลิปเสียงที่พูดในวันนั้น และตนเชื่อว่าสื่อมวลชนอยู่ในห้องวันนั้น จึงไม่ต้องอธิบายว่าตนไม่ได้มีเจตนาที่จะเป็นการล่วงละเมิดต่อสถาบันเลย ทั้งนี้เรื่องที่ได้มีการคุยและซักถามในห้องนั้นก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับนายกฯ และน.ส.มัลลิกา ที่กระทำผิดไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับสถาบันเบื้องสูงเลย

เมื่อถามว่ากลุ่มหน้ากากขาวได้ยื่นเรื่องดังกล่าวส่งให้นายชัยเกษม นิติสิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สอบสวน นายธาริตกล่าวว่า อันนี้ต้องไปถามผู้บังคับบัญชาของตน ซึ่งตนทราบว่ามีการไปยื่นกับผู้บังคับบัญชาของตนจริง ดังนั้นตนต้องรอทำคำชี้แจงต่อ รมว.ยุติธรรม แต่ถ้าสั่งมาก็พร้อมที่จะชี้แจงและถือว่าตนอยู่ในวินัย เพราะตนก็เป็นข้าราชการประจำคนหนึ่งถ้าผู้บังคับบัญชาเห็นเหมาะสมประการใด ก็สุดแล้วแต่

ทั้งนี้ ยืนยันว่าทั้งเจตนาและบริบททั้งหมดที่ตนกระทำที่ผ่านมานั้นตนไม่มีเจตนาใดเลยแม้แต่น้อยที่จะก้าวล่วงหรือล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์

ส่วนการดำเนินการเรียกตัว น.ส.มัลลิกานั้น อธิบดีดีเอสไอกล่าวว่า ดีเอสไอได้ตั้งคณะพนักงานสอบสวนโดยมี พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้ก็จะได้เรียกตัว น.ส.มัลลิกามาสอบสวนอย่างแน่นอน รวมทั้งสอบพยานกลาง พยานนักภาษาศาสตร์ พยานที่เข้าใจในบริบทของเรื่องว่าการกระทำอย่างนี้เกิดความเสียหายหรือไม่ ผิดหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ทางพนักงานสอบสวนไม่ได้ชี้เอง แต่อาศัยพิจารณาจากพยานหลักฐานทั้งปวง

เมื่อถามกรณีดีเอสไอจะดำเนินการกับผู้ที่กดแชร์ต่อ อธิบดีดีเอสไอกล่าวปฏิเสธว่าไม่เคยพูด แต่ตามกฎหมายจะดำเนินการคดีในส่วนคนที่ไปต่อเติมตัดแต่งและคนที่ส่งข้อความต่อซึ่งทั้งหลายทั้งปวงเรายึดที่เจตนาไม่ใช่ว่าใครก็ตามที่ส่งต่อต้องผิดทั้งหมด

ทั้งนี้ ในส่วนของ น.ส.มัลลิกา เมื่อลองเปรียบเทียบดูกับชาวบ้านทั่วไปที่ส่ง เนื่องจาก น.ส.มัลลิกานั้นเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองคือเป็นพรรคฝ่ายค้าน นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีความรู้ในระดับปริญญาเอก ดังนั้น การกระทำย่อมแตกต่างจากคนทั่วไปที่อาจจะมีการแชร์ข้อมูลกันได้ อย่างไรก็ตาม ในเรื่องดังกล่าวต้องดูบริบทของเจตนา ไม่ใช่ว่าใครกระทำก็ผิดไปหมด

เมื่อถามว่า มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์มองว่าเป็นการทำงานสองมาตรฐานเนื่องจากกรณีแบบนี้เคยมีผู้กระทำนอกจาก น.ส.มัลลิกา นายธาริตกล่าวว่า ให้มาร้องเรียนที่ดีเอสไอ ซึ่งตนเคยเรียนไว้แล้วว่ากรณีดังกล่าวนั้นมี 3 มิติ คือ 1. เป็นกฏหมายแนบท้ายบัญชีเรา 2. มีผู้ร้องเรียนชัดเจน และ 3. ความเสียหายเกิดกับผู้นำประเทศ ทั้งนี้เราไม่ได้ปิดกั้น ใครที่มาร้องเรียนเราก็ทำหมด ส่วนความถูกหรือผิดเป็นอีกเรื่องหนึ่ง