สามหนุ่มรุมตื้บโชเฟอร์แท็กซี่ดับโผล่มอบตัวแล้ว ระบุมีปากเสียงหลังแท็กซี่ขับปาดหน้า ลั่นไม่ได้ทำให้ถึงตาย อ้างโชเฟอร์เป็นโรคหอบ
เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 10 ส.ค. ที่กองบัญชากาตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.เจริญ ศรีศศลักษณ์ รองผบก.น.2 พ.ต.อ.สมชาย เชยกลิ่น ผกก.สน.โคกคราม และฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม ร่วมกันแถลงข่าวการมอบตัวของนายพันธุ์ธัช โพธิ์ไพโรจน์ อายุ 29 ปี นายสุชีพ ตั้งฐานสัมมา อายุ 25 ปี และนายโยธิน ชีพอาภรณ์ อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุทำร้ายร่างกายโชเฟอร์แท็กซี่เสียชีวิต โดยผู้ต้องหาทั้ง 3 คนได้เข้ามอบตัวที่ สน.โคกคราม
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม เวลาประมาณ 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.โคกคราม รับแจ้งพบศพนายวันชัย เจริญใจ อายุ 53 ปี คนขับรถแท็กซี่สีเหลือง หมายเลขทะเบียน ทศ 3402 กรุงเทพมหานคร เสียชีวิตอยู่บริเวณปากทางเข้าหมู่บ้านเดอะไพรมารี่ ถนนเกษตร-นวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม โดยหลังเกิดเหตุทราบว่าผู้ที่ก่อเหตุเป็นชาย 3 คน สาเหตุเกิดจากไม่พอใจที่ถูกผู้ตายขับรถแท็กซี่ปาดหน้า ซึ่งต่อมาวันที่ 9 ส.ค.ผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนได้เดินทางเข้ามอบตัวที่ สน.โคกคราม
พ.ต.อ.เจริญกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายพันธุ์ธัชได้ขับรถเก๋งหมายเลขทะเบียน ฌย 8633 กรุงเทพมหานคร ไปตกปลาพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คน จากนั้นถูกผู้ตายขับรถแท็กซี่ปาดหน้าทำให้รถเสียหลักและไม่พอใจจึงตะโกนด่าทอและขับรถปาดกันมาตลอดทาง กระทั่งรถติดไฟแดง ผู้ก่อเหตุและโชเฟอร์แท็กซี่ได้ลงมาจากรถและมีปากเสียงกัน โชเฟอร์แท็กซี่จึงใช้เหล็กติ้วที่ถือติดตัวลงมาจากรถ ตรงเข้าไปหากลุ่มผู้ตาย ทำให้นายโยธินเข้าไปแย่งเหล็กก่อนจะโยนทิ้ง และชกต่อยผู้ตายหลายครั้ง ส่วนนายพันธฺธัชเข้าล็อกตัวผู้ตายไม่ให้ต่อสู้
พ.ต.อ.เจริญกล่าวอีกว่า เมื่อผู้ตายเห็นว่าสู้ไม่ได้ได้พยายามวิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก รปภ.ที่หน้าหมู่บ้านเดอะไพรมารี่ แต่ก็ไม่ทันการณ์ผู้ตายหมดลมหายใจล้มลงเสียชีวิตอยู่ริมถนนเสียก่อน เมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุวิ่งตามไปดูพบว่าผู้ตายนอนแน่นิ่งหมดสติจึงแยกย้ายกันหลบหนีไป เมื่อเห็นข่าวจากสื่อมวลชนก็ติดต่อขอมอบตัว โดยรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง แต่ไม่ได้ต้องการให้ถึงตาย เบื้องต้นตรวจสอบประวัติผู้ตายพบว่ามีโรคประจำตัวคือโรคหอบ จึงต้องส่งศพไปชันสูตรที่สถาบันนิติเวชอย่างละเอียดอีกครั้งเพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล
จากการสอบสวนนายโยธินให้การว่า วันเกิดเหตุตนเป็นคนชกผู้ตาย เนื่องจากเห็นว่าถือเหล็กดติ้วจะเข้ามาทำร้ายเพื่อน แต่ไม่ได้มีการรุมทำร้ายหรือกระทืบอย่างโหดเหี้ยมตามที่ปรากฏเป็นข่าว เมื่อลงจากรถก็มีปากเสียงกัน ทำให้ตนแย่งเหล็กจากมือผู้ตายโยนทิ้ง จากนั้นผู้ตายได้วิ่งไปขอความช่วยเหลือจาก รปภ.ของหมู่บ้าน แต่ล้มลงก่อน เมื่อตามไปดูก็พบว่าหมดสติจึงพากันขับรถหนีไปโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเสียชีวิต ทั้งนี้ตนและนายสุชีพเพิ่งเรียนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และกำลังจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ส่วนนายพันธุ์ธัชเปิดร้านขายอุปกรณ์ตกปลา วันเกิดเหตุแค่ต้องการเรียกผู้ตายลงมาถามว่าทำไมขับรถเช่นนี้ ไม่ได้ต้องการทำร้ายให้ถึงตาย
ด้านนายบัญชา ชีพอาภรณ์ อายุ 53 ปี บิดาของนายโยธิน กล่าวว่า หลังรู้ข่าวก็รีบพาลูกชายและติดต่อผู้ปกครองของเพื่อนลูกชายเพื่อพาเข้ามอบตัว แต่ต้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชายด้วย เพราะลูกชายและเพื่อนๆ ไม่ได้ทำร้ายจนถึงตาย แต่ผู้ตายมีโรคประจำตัว ซึ่งตนได้ส่งทนายความไปคุยกับญาติๆ ของผู้ตายในงานศพแล้ว และยินดีที่จะช่วยเหลือเยียวยาในเบื้องต้น ปกติลูกชายไม่ใช่คนใจร้อน แต่คงไม่พอใจเรื่อที่ถูกขับรถปาดหน้า ทำให้โมโหตามประสาวัยรุ่นผู้ชาย ซึ่งได้ตักเตือนไปแล้ว ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าลูกชายและเพื่อนๆ ไม่ได้เป็นแก๊งเด็กแว้น หรือเป็นคนเลวตามที่สื่อนำเสนอไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม คงต้องรอผลการชันสูตรศพจากแพทย์จะได้รู้ว่าผู้ตายเสียชีวิตเพราะอะไร จะได้นำตัวลูกชายและเพื่อน เข้าสู่ขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมายต่อไป