ตม.สหรัฐฯ เข้าร่วมประชุมกับดีเอสไอวางแผนการจับกุมตัว “สมีคำ” กลับไทยมาดำเนินคดีที่ประเทศไทย
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (1 ส.ค.) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ญาณพล ยั่งยืน รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล ผบ.สำนักกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ดีเอสไอ และพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจากสำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ ร่วมประชุมกับนายเบอร์ลี แฮงก์ ผอ.สำนักบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองและศุลกากร (Immigration and Customs Enforcement หรือ ICE) สหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย หารือแนวทางการผลักดันนายวิรพล สุขผล หรืออดีตหลวงปู่เณรคำ กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย การประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียด ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง
นายธาริตกล่าวว่า เจ้าหน้าที่สำนักบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองและศุลกากร หรือ ICE ร่วมประชุมกับดีเอสไอ ได้มีการอัปเดตสถานการณ์ในความร่วมมือในการนำตัวอดีตพระเณรคำกลับมาดำเนินคดีในประเทศไทย ได้พูดถึงรายละเอียดขั้นตอนถึงการดำเนินการต่างๆ อย่างครบถ้วน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ของสหรัฐอเมริกาได้ดำเนินไปมาก ทุกอย่างจะดำเนินการภายใต้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะมีขั้นตอนพอสมควร โดยทาง ICE แจ้งให้ดีเอสไอทราบว่าเรื่องนี้ทางสหรัฐอเมริกาให้ความสำคัญอย่างมากที่จะดำเนินการให้ตามคำร้องขอของดีเอสไอ
อธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า เบื้องต้นจากการหารือทั้งหมดทำให้ทางดีเอสไอมีความมั่นใจว่าจะได้ตัวอดีตพระเณรคำกลับมาดำเนินคดีในเร็ววัน ส่วนรายละเอียดวิธีปฏิบัติเนื่องจากเป็นการดำเนินการนอกประเทศ อยู่ในราชอาณาจักรของสหรัฐอเมริกา โดยมารยาทเราจะไม่พูดถึงและการปฏิบัติการต้องดำเนินการในทางลับไม่สามารถเิปิดเผยได้ แต่ทาง ICE ให้ความร่วมมือในการประสานงานดีมาก ดีเอสไอมั่นใจว่าจะได้อดีตพระเณรคำกลับมาดำเนินคดีในเร็ววัน
นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ หัวหน้าศูนย์ข้อมูลและวิเคราะห์คดีความมั่นคง สำนักคดีความมั่นคง ดีเอสไอ กล่าวถึงแนวทางการสอบสวนคดีอดีตพระเณรคำว่า การสอบสวนขณะนี้จะเน้นตรวจสอบทรัพย์สินว่ามีการนำเงินจากตรงไหนไปซื้อทรัพย์สินโดยเฉพาะรถยนต์กว่า 100 คัน ซึ่งขั้นตอนการตรวจสอบขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจว่ารถอยู่ที่ใคร เอาเงินที่ไหนไปซื้อ หากสามารถระบุทรัพย์สินได้หมดทั้งบ้าน รถ หรือทรัพย์สินอื่นๆ ว่าอยู่ที่ไหนกับใคร จะมีการพิสูจน์ที่มาทุกรายการ โดยในขณะนี้ดีเอสไอได้บอกให้ผู้ครอบครองทรัพย์สินที่ได้มาจากอดีตพระเณรคำ รักษาทรัพย์สินไปก่อน แต่ห้ามจำหน่ายจ่ายโอนจนกว่าจะพิสูจน์ที่มาของเงินที่นำมาซื้อได้ แต่เรื่องการพิสูจน์ทรัพย์สินนั้นต้องใช้เวลานานแน่นอน
