“ผู้กองปูเค็ม” ลากรถร้องความเป็นธรรม “ผบ.ตร.” ถูกคนร้ายคุกคามลอบเผารถ

นนทบุรี - “ผู้กองปูเค็ม” เดินลากรถที่ถูกคนร้ายลอบวางเพลิง จี้ทวงถาม “ผบ.ตร.” หาตัวคนร้ายมาดำเนินคดี



เมื่อเวลา 12.00 น.วันนี้ (31 ก.ค.) ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือ ผู้กองปูเค็ม พร้อมด้วยชาวบ้านกว่า 15 คน ได้เดินจูงรถกระบะยี่ห้ออีซูซุสีขาว ทะเบียน ตฉ 7841 กรุงเทพฯ ซึ่งกระบะหลังได้ติดตั้งเครื่องเสียงและเครื่องปั่นไฟโดยมีร่องรอยการถูกไฟไหม้ ผูกเชือกคล้องคอเดินลากประท้วงมาตามท้องถนนติวานนท์ ตั้งแต่บริเวณปากซอยวัดกู้ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังจากรถคันดังกล่าวได้ถูกคนร้ายลอบวางเพลิงเมื่อเวลา 03.00 น.ของวันที่ 30 กรกฎาคม โดยมีจุดหมายหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อเรียกร้องให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี โดยมีป้ายระบุว่า “เรียน พี่อดุลย์ 1.ทำไมตำรวจข่มขู่กดดันฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล 2.หาตัวคนเผามาลงโทษให้ได้ ผู้กองปูเค็ม” โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด กว่า 30 นายคอยควบคุมเหตุการณ์และทำการเจรจากับกลุ่มผู้ประท้วงไม่ให้ลากรถไปตามท้องถนน แต่ไม่เป็นผล ส่งผลให้การจราจรในเส้นทางดังกล่าวติดขัดนานกว่า 2 ชม.

ด้าน ร.อ.ทรงกลด ยืนยันจะลากรถคันดังกล่าวไปให้ถึงหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ได้ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำการจับปรับผู้ที่ลากจูงรถ 5 คน คนละ 500 บาท ในข้อหาลากจูงยานพาหนะเป็นรูปขบวนกีดขวางการจราจร โดย ร.อ.ทรงกลด ได้ยินยอมจ่ายเงินค่าปรับก่อนจะลากรถเคลื่อนขบวนต่อมาตามถนนติวานนท์เข้าเขต สภ.เมืองนนทบุรี โดย พ.ต.อ.สุรพล ถนอมจิตร รอง ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ได้นำกำลังสกัดและเข้าเจรจาอีกครั้ง โดย ร.อ.ทรงกลด ยืนยันว่า นี่เป็นการชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญ ผมไม่ได้ข่มขู่ ไม่ได้ใช้อาวุธ หากจะจับตาม พ.ร.บ.จราจรก็จะให้จับ แต่ตำรวจเห็นว่า สภ.ปากเกร็ด เพิ่งจับปรับมาจึงปล่อยให้ ร.อ.ทรงกลด ลากรถต่อไปโดยขอให้ใช้ช่องทางด้านซ้าย

ซึ่งทาง ร.อ.ทรงกลด ก็ยินยอมพร้อมกล่าวว่า รถคันนี้ไม่ใช้รถของตนเอง แต่เป็นรถของนายชัยพร ธรรมกันมา อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 39/26 หมู่ที่ 2 ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งมีอาชีพรับจ้างขับรถไปตามที่ต่างๆ ที่มีคนว่าจ้าง โดยก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องขึ้นได้มีชาวบ้านจ้างให้ผมมาช่วยจัดกิจกรรมทางการเมืองในงานสลายสีเสื้อ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ดุสิต จับปรับในข้อหาใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จากนั้นตนเองและนายชัยพร ได้แยกย้ายกันกลับบ้านคนละคัน ซึ่งตนมารู้ตอนหลังว่ารถคันดังกล่าวที่นายชัยพรขับ ได้มีรถขับตามจาก สน.ไปจนถึงบ้านพักกระทั่งเวลา 03.00 น.ตนก็ได้รับแจ้งจากนายชัยพร ว่ารถถูกเผา จึงเชื่อว่าสาเหตุมาจากเรื่องการเมือง และคาดว่าคนร้ายน่าจะเป็นตำรวจ จึงรวมตัวกันเพื่อเดินทางไปเรียกร้องขอความเป็นธรรมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ