โฆษก สตช.ประกาศคุมเข้มจำหน่ายเหล้าวันอาสาฬหบูชา-เข้าพรรษา
วันนี้ (19 ก.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก ตร.เปิดเผยว่า เนื่องจากในวันจันทร์ที่ 22 ก.ค.และวันอังคารที่ 23 ก.ค.นี้ เป็นวันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา ซึ่งสำนักนายกรัฐมนตรีได้มีประกาศกำหนดวันห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยห้ามมิให้ผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันมาฆบูชา วันวิสาขบูชา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา หลังจากประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้แล้ว สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทรวงสาธารณสุข ได้มีการออกสุ่มตรวจสถานประกอบการ ร้านค้า พบว่ายังมีการฝ่าฝืนกระทำผิดอยู่ในหลายพื้นที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงได้กำชับให้สถานีตำรวจทุกแห่ง ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ร้านค้าที่จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสถานบริการทุกประเภท ให้งดจำหน่ายในวันอาฬสาหบูชา และวันเข้าพรรษาดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 00.01-24.00 น.และให้กวดขันจับกุมผู้กระทำผิดที่ฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี อย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกันเมื่อปรากฏเป็นความผิดชัดเจนในเรื่องการจำหน่าย การดื่มในสถานที่ห้าม และจำหน่ายให้แก่บุคคลที่ห้ามจำหน่าย เน้นการตรวจตราร้านข้าวต้มโต้รุ่ง คาราโอเกะ ร้านอาหารริมทางอย่างจริงจัง
โฆษก ตร.กล่าวว่า นอกจากนี้ได้สั่งการให้มีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด บริเวณถนนสายหลักที่เป็นที่ตั้งสถานบริการในช่วงเวลาที่เหมาะสมก่อนเวลา 24.00 น.และตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์บนเส้นทางที่เหมาะสมหลังเวลา 24.00 น.และหากตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดให้สอบสวนขยายผล เพื่อจับกุมผู้จำหน่ายสุราที่ฝ่าฝืนกฎหมายและประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างจริงจัง นอกจากนี้ตำรวจต้องให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุข ในการออกตรวจจับผู้กระทำความผิดเมื่อได้รับการร้องขอ
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวด้วยว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ร้านค้า และสถานบริการทุกประเภท ให้ความร่วมมืองดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันสำคัญทางศาสนา หากฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือหากพบว่ามีการโชว์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้หน้าร้าน จะมีโทษทั้งจำทั้งปรับ สำหรับประชาชนที่พบเห็นการกระทำผิดดังกล่าว และต้องการแจ้งเบาะแส ข้อร้องเรียนที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถแจ้งไปยังหมายเลขโทรศัพท์ 191 หรือสายด่วน 1599 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง