ป.ป.ส.เปิดเผยข้อมูลเงินในบัญชี “เณรคำ” 41 บัญชี จาก 300 ล้าน เหลือแค่ 3 ล้าน เร่งตามคืน ด้าน ปปง.จ่อคุยสหรัฐฯ ยึดทรัพย์สิน
เมื่อวันที่ 15 ก.ค. นายณรงค์ รัตนานุกูล ที่ปรึกษาด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) กล่าวถึงการตรวจสอบเส้นทางการเงินของนายวิรพลว่า ป.ป.ส. และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้ขอความร่วมมือไปยังสถาบันการเงิน และธนาคารทุกแห่งที่เปิดบัญชีให้กับนายวิรพล ทั้ง 41 บัญชี ให้รวบรวมเอกสารการทำธุรกรรมการเงินย้อนหลังตั้งแต่นายวิรพลเปิดบัญชีรับบริจาค
โดยเบื้องต้นจะตรวจสอบบัญชีที่มีเงินหมุนเวียนจำนวนมากก่อน เพื่อจะดูความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริจาคเงินกับนายวิรพล และการบริจาคเงินจำนวนมากนั้นผู้บริจาคมีจุดมุ่งหมายอะไร หากได้ข้อมูลจากทางธนาคารมาแล้วก็จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และขณะนี้ทราบว่าทั้ง 41 บัญชีมีเงินตกค้างอยู่ประมาณ 2-3 ล้านบาทเท่านั้น จากที่เคยมีอยู่ 200-300 ล้านบาท ซึ่ง ป.ป.ส.และ ปปง.ก็จะเร่งติดตามเงินที่หายไปจากบัญชี
ด้าน ร.ต.อ.หญิง เสาวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการ ปปง.กล่าวว่า ขณะนี้สถาบันการเงินต่างๆ ยังไม่แจ้งข้อมูลมายัง ปปง.ว่ามีการยักย้ายถ่ายเทเงินออกจากบัญชีของอดีตพระวิรพล ที่มีการอายัดไว้จำนวน 16 บัญชีหรือไม่ เนื่องจากบัญชีที่ ปปง.อายัดไว้เป็นบัญชีที่มีการโอนเงินเข้ามาเป็นวงเงินเกิน 2 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีบัญชีเงินฝากอื่นๆ ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ตรวจสอบพบมีถึง 41 บัญชี เป็นจำนวนเงินที่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท ไม่ต้องรายงานการทำธุรกรรม หากตรวจสอบพบว่ามีการโอนเงินออกไปซุกซ่อนจะมีความผิดอาญาฐานฟอกเงินทันที แม้จะมีการโอนย้ายทรัพย์สินไปในต่างประเทศก็สามารถตามเอากลับคืนมาได้ เพราะถือว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการฉ้อโกง
“คณะกรรมการธุรกรรม ปปง.จะนัดประชุมเพื่อพิจารณาคดีอดีตพระเณรคำในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ จะทำให้มีความชัดเจนในการตรวจสอบทรัพย์สินทั้งหมด และแม้ผู้ถูกกล่าวหาจะยังอยู่ในต่างประเทศ หรือหลบหนีอยู่นอกราชอาณาจักร แต่ตามกฎหมายฟอกเงินมีช่องทางตามกฎหมายที่จะเอาผิดได้ โดย ปปง.จะประสานกับเอฟไอยู (Finance Intelligent Unit) ของสหรัฐฯ เพื่อติดตามทรัพย์สินทั้งหมดต่อไป” ร.ต.อ.หญิง เสาวนีย์ระบุ
