“เอ็กซ์” อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติ ผู้ต้องหาพยายามฆ่า นอนคุกคืนแรก เกิดอาการเครียด จนเจ้าหน้าที่ต้องนำตัวส่ง รพ.ตำรวจ ก่อนนำตัวกลับมาคุมขังที่ สน.แจ้งข้อหาเพิ่มมีอาวุธสงครามไว้ในครอบครอง เตรียมนำตัวฝากขังศาลมีนบุรีวันนี้ คักค้านประกัน เกรงข่มขู่พยาน
วันนี้ (14 ก.ค.) ที่ สน.มีนบุรี พ.ต.ท.ถาวร สายมะณี พนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการพิเศษ สน.มีนบุรี เจ้าของคดีนายจักรกฤษณ์ หรือ เอ็กซ์ พณิชย์ผาติกรรม อายุ 40 ปี อดีตนักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย ที่ทำร้ายนางบุญคิด มารดา และ พญ.ณิธิวดี ภูเจริญยศ ภรรยา จนต้องเข้าร้องเรียนกับนางปวีณา หงสกุล รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์นั้น กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหานายจักรกฤษณ์ เพิ่มอีก 4 ข้อหา คือ 1.พกพาอาวุธปืนไปในทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร ซึ่งเจ้าหน้าที่พบว่า นายจักรกฤษณ์ พกอาวุธปืนขนาด .38 กับ .357 และปืนออโตเมติก อีก 2 กระบอก ติดตัวไปด้วย ส่วนข้อหาที่ 2 คือ มีอาวุธปืนที่เจ้าพนักงานทะเบียนไม่สามารถออกให้ได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนเอ็ม 4 ในบ้านและพบว่า เป็นอาวุธสงครามที่ไม่สามารถมีไว้ในความครอบครองได้
3.ขัดขืนคำสั่งเจ้าพนักงานหลังจากที่ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ ทั้ง สน.มีนบุรี และ รพ.ตำรวจ เจาะเลือด โดยต้องการเพียงตรวจปัสสาวะเท่านั้น และ 4.ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวโดยการใช้กำลังบังคับขู่เข็ญ โดยจะแจ้งข้อหาทั้งหมดในวันที่ 15 ก.ค.นี้ ก่อนจะนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดมีนบุรี และยื่นคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากกลัวว่านายจักรกฤษณ์จะไปข่มขู่พยานหรือทำลายหลักฐาน
พ.ต.ท.ถาวร กล่าวต่อว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายจักรกฤษณ์เข้าห้องขังตอนเกือบเที่ยงคืน ทางทีมทนายได้นำผลตรวจแพทย์มาขออนุญาตไม่ให้ควบคุมตัวนายจักรกฤษณ์เข้าห้องขัง ให้นำตัวไปรักษาและควบคุมตัวไว้ที่ รพ.แทน เพราะมีอาการเครียด ซึ่งทางตำรวจได้นำตัวไปพบแพทย์ที่ รพ.ตำรวจ โดยแพทย์ได้ระบุว่า มีอาการเครียด พร้อมกับจัดยามาให้ ก่อนที่ควบคุมตัวกลับมาคุมขังที่โรงพักเหมือนเดิม
นายจักรกฤษณ์ กล่าวว่า เมื่อคืนตนปวดหัวมาก เพราะตอนเด็กเคยป่วยเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เคยเดินไปหาแม่ แล้วบอกว่าปวดหัว จากนั้นก็ล้มลงไปเลย ตอนโตมาก็มีอาการ เมื่อคืนเจ้าหน้าที่พาไปหาหมอ จะฉีดมอร์ฟีนใส่ ซึ่งก็ยอมให้ฉีดไม่ได้ เพราะถ้าไปตรวจหาสารเสพติดก็จะพบ และทำให้มีปัญหาเกิดขึ้นมาได้ ที่ผ่านมาชีวิตผ่านความรุนแรงมาตั้งแต่เด็ก เคยถูกเฆี่ยนตีที่หลัง นับตั้งแต่เดินออกจากบ้านตั้งแต่อายุ 17 ปี พยายามเป็นพ่อที่ดีที่สุด และให้อภัยทุกคน ยอมรับว่าชีวิตที่ผ่านมาถูกข่มเหงมาโดยตลอด แต่ไม่เคยใช้ความรุนแรง ไม่เคยคิดฆ่าใคร ขอขอบคุณทุกๆ คนที่มาสนใจ เพราะเป็นคนสาธารณะ
ด้านเพื่อนๆ คนรู้จักที่มาเยี่ยมต่างเปิดใจว่า ได้รู้ข่าวจากสื่อมวลชนเมื่อคืนนี้ และก็เลยรีบเดินทางมาเยี่ยมทันที เท่าที่รู้จักกันมากว่า 10 ปี นายจักรกฤษณ์เป็นคนร่าเริงแจ่มใสกับพี่ เพื่อน น้องเสมอ วันนี้ก็นำชาเขียว ซื้อพิซซ่ามาฝากเยี่ยม ส่วนใหญ่ก็ยังไม่เชื่อว่านายจักรกฤษณ์จะทำอย่างที่ข่าวปรากฏ คาดว่าน่าจะเกิดจากความเครียด จึงก่อเหตุดังกล่าว แต่เพื่อนๆ ทุกคนก็เป็นกำลังใจนายจักรกฤษณ์ผ่านเหตุการณ์ดังกล่าวไปได้
