ศาลจ่อเรียก “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” ไต่สวนนำม็อบชุมนุมหน้ากลาโหม

อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เผย เตรียมออกหมายเรียก “ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” ไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีชุมนุมประท้วงหน้ากระทรวงกลาโหม

วันนี้ (12 ก.ค.) นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึงกรณีที่ นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ นำกลุ่มผู้ชุมนุมกว่า 300 คน ชุมนุมบริเวณด้านหน้ากระทรวงกลาโหม เพื่อปิดล้อม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ให้เข้าไปภายในกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวานที่ผ่านมาว่า ตนได้ติดตามข่าวจากทางสื่อมวลชนทราบว่า นายไชยวัฒน์ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมไปปิดล้อมที่บริเวณกระทรวงกลาโหม เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นเข้าออกได้ ซึ่งพฤติการณ์ดังกล่าวหมิ่นเหม่และอาจจะผิดเงื่อนไขการประกันตัวของศาล เนื่องจากนายไชยวัฒน์ เป็นจำเลยในคดีที่ร่วมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง เมื่อปี 2551 ซึ่งศาลได้กำชับเงื่อนไขว่า ไม่ให้ปลุกระดมก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยตนได้ปรึกษากับองค์คณะแล้ว และศาลสงสัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นความจริงหรือไม่ จึงจะออกหมายเรียกนายไชยวัฒน์ มาไต่สวนข้อเท็จจริงในวันที่ 29 ส.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ศาลอาญานัดตรวจพยานหลักฐานคดีกลุ่มพันธมิตรฯเป็นจำเลยความผิดฐานฐานชุมนุมบุกรุกสนามบินสุวรรณภูมิ-ดอนเมือง เมื่อปี 2551

อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวอีกว่า ทั้งนี้หาก นายไชยวัฒน์ กระทำดังกล่าวจริงอาจจะเข้าข่ายผิดเงื่อนไขประกันก็ได้ แต่หากเป็นกรณีที่นายไชยวัฒน์ ชุมนุมที่สนามหลวง หรือถือป้ายประท้วงอย่างเดียว ศาลก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะว่าไม่ปรากฏข่าวที่ก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งหากนายไชยวัฒน์ให้การปฏิเสธ ศาลก็จะต้องไต่สวนลงลึกไปในรายละเอียดอีกครั้ง โดยอาจจะพิจารณาถึงพยานหลักฐานอื่นๆ ประกอบเพิ่มเติมด้วย เพื่อให้ศาลพิจารณาและมีคำสั่งต่อไป อย่างไรก็ตามหากนายไชยวัฒน์ ไม่ยอมมาศาลตามหมายเรียก ก็จะต้องมีเหตุผลที่สมควร ซึ่งไม่ว่าจะมีเหตุผลอย่างไรนายไชยวัฒน์ก็จะต้องมาให้ศาลไต่สวนการถอนประกันอย่างแน่นอน เพราะหากไม่มาก็จะถือว่าเป็นการเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาล

“คดีเกี่ยวกับความมั่นคง ก่อการร้าย การยุยงปลุกปั่นฯ ศาลได้กำหนดเงื่อนไขการประกันตัวจำเลยทุกราย เพื่อไม่ให้จำเลยกระทำการ หรือมีพฤติการณ์ทำให้บ้านเมืองเกิดความเสียหาย ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขในคำฟ้องของจำเลย ไม่ว่าจะเป็นคดีเสื้อเหลือง หรือเสื้อแดง ก็ไม่แตกต่างกัน หากมีการกระทำที่เข้าข่ายผิดเงื่อนไขประกันตัวก็คงต้องเรียกมาไต่สวนตามบรรทัดฐานเดียวกัน เพื่อไม่ให้จำเลยกระทำผิดซ้ำอีก และเพื่อให้เกิดความสงบในบ้านเมือง” อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากล่าว