ศาลพิพากษาจำคุก คนละ 18 ปี สองโจ๋ตระเวนก่อเหตุใช้ไม้เบสบอลตีหัวปล้นทรัพย์นักร้องดัง KPN แต่รับสารภาพเหลือติดคุกคนละ 9 ปี และชดใช้ค่าเสียหาย 7 หมื่นกว่าบาท
ที่ห้องพิจารณา 801 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (10 ก.ค.) ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีปล้นทรัพย์นักร้อง หมายเลขดำที่ อ.3610/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 7 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทวุฒิ หรือเอ็ม ประภัสสร และนายอนุสรณ์ หรือป๊อบ ยะวงศ์ ทั้งสองอายุ 19 ปี เท่ากัน เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ และยานพาหนะ เพื่อสะดวกต่อการได้รับทรัพย์นั้น
โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2555 เวลากลางคืน ขณะที่นายธรรมภาคย์ ชี หรือ “บี้ KPN” อายุ 21 ปี และนายอนุรักษ์ บุญเพิ่มผล หรือ “บอม KPN” อายุ 26 ปี ทั้งคู่เป็นนักร้องดังสังกัดเคพีเอ็นอวอร์ด ผู้เสียหายได้ขี่จักรยานยนต์กันมา พวกจำเลยได้ขี่จักรยานยนต์ 2 คันปาดหน้ารถผู้เสียหายให้จอด ก่อนใช้ไม้เบสบอลรุมตีที่ใบหน้า ลำตัว โดยเฉพาะ บี้ Kpn ถูกตีบริเวณใบหน้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นอันตรายแก่กาย และจิตใจ ก่อนปล้นทรัพย์สินของนายธรรมภาคย์ รวม 4 รายการ รวม 76,000 บาท และของนายอนุรักษ์ 5 รายการ รวม 17,400 บาท หลบหนีไป เหตุเกิดบริเวณซอยรัชดาภิเษก 36 (ซอยเสือใหญ่อุทิศ) แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ติดตามจับกุมจำเลยทั้งสองได้พร้อมของกลางบางส่วน และให้การรับสารภาพ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานแล้วเห็นว่า ฝ่ายโจทก์มีผู้เสียหายทั้ง 2 คน เป็นประจักษ์พยานเบิกความยืนยันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แม้ช่วงเกิดเหตุจะเป็นเวลากลางคืน แต่มีแสงสว่างจากไฟฟ้า และแสงไฟจากรถยนต์ ทั้งผู้เสียหายกับจำเลยอยู่ในระยะใกล้ชิด สามารถจดจำใบหน้าคนร้ายได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ หลังเกิดเหตุจำเลยก็นำชี้ที่เกิดเหตุได้อย่างถูกต้อง พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคง ประกอบให้การรับสารภาพโดยตลอด เชื่อว่าจำเลยเป็นคนร้ายคดีนี้จริง
พิพากษาว่า จำเลยทั้งสองกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง ประกอบมาตรา 83 (1) ขณะเกิดเหตุจำเลยทั้งสองมีอายุ 18 ปีเศษ รู้สึกผิดชอบชั่วดีแล้ว จึงไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ จึงให้จำคุกจำเลยคนละ 18 ปี โดยจำเลยที่ 1 ให้บวกโทษจำคุกฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงานของศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสมุทรปราการอีก 3 เดือน ปรับ 1,000 บาท ฐานกระทำผิด พ.ร.บ.จราจร รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้ 18 ปี 3 เดือนปรับ 1,000 บาท อย่างไรก็ตาม คำรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่1 ไว้ 9 ปี 1 เดือน 15 วัน ปรับ 500 บาท ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 9 ปี และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 76,000 บาทแก่ผู้เสียหายด้วย ทั้งนี้ภายหลังฟังคำพิพากษาจำคุก นายอนุสรณ์ จำเลยที่ 2 ถึงกับร่ำไห้
