ภรรยาหนุ่มใหญ่ชาวอเมริกันที่ถูกโชเฟอร์แท็กซี่ไทยจ้วงแทงดับเหตุเบี้ยวค่าโดยสาร ชี้ไม่เชื่อสามีเบี้ยวค่าโดยสาร เชื่อคนร้ายตั้งใจโกงสามีจนเกิดเรื่อง
วันนี้ (8 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. นางกันธิมา พิลคิงตัน อายุ 38 ปี ภรรยาผู้ตาย พร้อมญาติเดินทางเข้ารับศพนายทรอย ลี พิลคิงตัน อายุ 50 ปี ชาวอเมริกัน ซึ่งถูกนายเชิดชัย หรือเชิด อุตมะชะ อายุ 32 ปี โชเฟอร์แท็กซี่ใช้อาวุธมีดยาวกว่า 1 ฟุตครึ่งทำร้ายร่างกายบริเวณหน้าร้านตัดเสื้อผ้าแต่งงานมิสแซทเธอร์เดย์ ถนนสุขุมวิท ใกล้ซอยสุขุมวิท 68 แขวงและเขตบางนา กทม. เมื่อช่วงประมาณ 20.30 น.วันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ก่อนถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้ที่อพาร์ตเมนต์ย่านประเวศ โดยทางผู้ต้องหาอ้างว่าโมโหที่ผู้ตายไม่ยอมจ่ายค่าโดยสารเพียง 51 บาท รวมทั้งปาแก้วกาแฟใส่ จึงมีการลงไม้ลงมือจนนายทรอยเสียชีวิตตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น หลังจากทางแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ ทำการผ่าพิสูจน์ศพเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผลการชันสูตรพลิกศพทางแพทย์นิติเวช รพ.จุฬาฯ ระบุว่าผู้ตายเสียชีวิตจากสาเหตุช็อกเสียเลือดมากจากบาดแผลถูกแทงที่หน้าอกทะลุหัวใจ ก่อนนำศพบรรจุโลงศพแบบศาสนาพุทธที่เตรียมมาขึ้นรถตู้ โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นางกันธิมากล่าวด้วยความโศกเศร้าว่า รู้สึกช็อกและเสียใจมากต่อการสูญเสียสามีในครั้งนี้ ซึ่งตนคบหาและจดทะเบียนสมรสกับทางสามีมากว่า 3 ปี แล้ว ก่อนหน้านี้สามีได้เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยก่อนขอทางบริษัทฯ มาทำงานประจำที่นี่เพื่อได้อยู่กินกับตนในบ้านเช่าภายในซอย สุขุมวิท 85 โดยนิสัยผู้ตายเป็นคนที่รักครอบครัวมาก ไม่ดื่มสุรา เป็นคนสนุกสนานร่าเริง มีเพียงแต่ไม่ชอบคนที่มีนิสัยคิดจะโกง สามีจะไม่ยอมเด็ดขาด ซึ่งในวันเกิดเหตุสามีได้บอกกับตนว่าจะไปตัดผม และนวดสปาที่ห้างเซ็นทรัล บางนา ก่อนมาทราบอีกทีว่าสามีเสียชีวิตจากเหตุดังกล่าวแล้ว
นางกันธิมากล่าวอีกว่า ตนเองนั้นไม่เชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะมาจากที่สามีไม่ยอมจ่ายค่าโดยสารเนื่องจากผู้ตายมีเงินอยู่ในตัวจำนวนมากพอสมควร ซึ่งคาดว่าอาจจะถูกคนร้ายโกงค่าโดยสาร แล้วแฟนตนพยายามจะลงไปขึ้นรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ ทั้งนี้ตนยังรู้สึกโกรธกับการกระทำของคนร้ายมาก ไม่น่าทำถึงขนาดต้องฆ่ากันแบบนี้ จิตใจทำด้วยอะไร ทำให้ตนไม่กล้าที่จะนั่งรถแท็กซี่อีกต่อไปแล้ว เนื่องจากยังคงหวาดผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่
“ส่วนของพิธีทางศาสนา ทางครอบครัวจะนำศพสามีไปทำพิธีทางศาสนาที่วัดธาตุทอง ศาลา 12 เป็นเวลา 3 คืน แล้วจะมีพิธีฌาปนกิจในวันพฤหัสบดีที่ 11 ก.ค.นี้ จากนั้นจะนำกระดูกกลับไปที่รัฐไอดาโฮ สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นบ้านเกิดและเป็นที่ฝังศพของพ่อสามีด้วย อย่างไรก็ตาม ในเรื่องคดีก็ปล่อยให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม” นางกันธิมากล่าว
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ทาง พ.ต.ท.นพดล สามารถ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สน.บางนา พร้อมกำลังควบคุมตัวนายเชิดชัย หรือเชิด อุตมะชะ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหา พร้อมสำนวน ไปส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดพระโขนง เพื่อดำเนินคดีตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป