xs
xsm
sm
md
lg

ตร.จับกุมรถขนก๊าซ 46 ตัน ผิด พ.ร.บ.น้ำมันเชื้อเพลิงฯ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ปนม.ตร.แถลงข่าวการตรวจยึดรถบรรทุกน้ำก๊าซของบริษัท พลพญาไท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ขนส่งตามมาตรา12 จำนวน 4 คัน ขนก๊าซ 46 ตัน ผิด พ.ร.บ.น้ำมันเชื้อเพลิงฯ

วันนี้ (21 มิ.ย.) เมื่อเวลา 10.00 น. พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ ผบช.สง.ผบ.ตร.ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการสืบสวนปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ก๊าชปิโตรเลียมเหลว) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ปนม.ตร.(ส่วนแยก) แถลงข่าวการตรวจยึดรถบรรทุกน้ำก๊าซของบริษัท พลพญาไท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ขนส่งตามมาตรา 12 จำนวน 4 คัน ได้แก่ รถบรรทุกก๊าซเทรลเลอร์ หมายเลขทะเบียนหัวลาก 70-9821 สระบุรี เลขทะเบียนหาง 70-0828 สระบุรี และรถบรรทุกก๊าซเทรลเลอร์ หมายเลขทะเบียนหัวลาก 71-0370 สระบุรี เลขทะเบียนหาง 71-0016 สระบุรี, รถบรรทุกก๊าซ 10 ล้อ เลขทะเบียน 70-8686 สระบุรีและเลขทะเบียน 70-8684 สระบุรี พร้อมก๊าซ 46 ตัน หลังได้รับน้ำก๊าซจากคลังก๊าซบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี แล้วไม่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ผิด พ.ร.บ.น้ำมันเชื้อเพลิงฯ

พล.ต.ท.โสภณ กล่าวว่าสืบเนื่องจากทางชุดปฏิบัติการได้ทำการสืบสวน พบว่าบริษัท พี เอ พี แก๊ส แอนด์ ออยล์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ได้สั่งซื้อน้ำก๊าซจากคลังก๊าซ บริษัท เอสโซ่ โดยใช้รถบรรทุกน้ำก๊าซของบริษัท พลพญาไท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตขนส่ง ตามมาตรา 12 ทำการขนส่ง ซึ่งน้ำก๊าซทั้งหมดที่ตรวจยึดได้ ต้องนำไปส่งยังคลังก๊าซของบริษัท พี เอ พี ก่อนจะนำไปจำหน่ายในภาคต่างๆ แต่จากการสืบสวนพบว่าน้ำก๊าซที่บริษัท เอสโซ่ จ่ายให้กับบริษัท พี เอ พี นั้นได้ถูกโอนไปยังสถานีบริการก๊าซโดยไม่ผ่านคลังก๊าซของบริษัท พี เอ พี แต่อย่างใด

นอกจากนี้ยังพบว่าใบกำกับการขนส่งที่พนักงานขับรถของบริษัท พลพญาไท ไปรับมานั้น เป็นเอกสารปลอมที่จัดทำขึ้นเอง โดยทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบและตรวจยึดได้จากร้านลาบยโส ตั้งอยู่ริมถนนบายพาสสาย 36 ต.หนองขาม อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี จากการสอบสวนปากคำผู้ขับขี่รถบรรทุกก๊าซให้การรับสารภาพสอดคล้องกันว่าได้รับคำสั่งให้ดำเนินการจากเจ้าของ บริษัท พลพญาไท โดยได้ร่วมกันกระทำการมานานประมาณ 3 เดือนเศษแล้ว

เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจยึดรถบรรทุกก๊าซ น้ำก๊าซในรถ และเอกสารไว้เพื่อทำการสืบสวน ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป ซึ่งถ้ามีการกระทำความผิดจริงตามมาตรา 7 จะมีอัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 แสนบาท แต่ถ้ามีการกระทำความผิดตามมาตรา 12 จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น