น้องสาวควงทนายความรุดแจ้งความกองปราบฯ “เอกยุทธ อัญชันบุตร” หายตัวลึกลับตั้งแต่วันศุกร์ พร้อมนำภาพผู้ต้องสงสัยให้ฝ่ายสืบสวนกองปราบปราม เผยติดต่อทางโทรศัพท์ได้ครั้งสุดท้ายเมื่อวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย.เวลา 20.00 น. พบประตูหลังบ้านถูกเปิดทิ้ง เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดถูกขโมย
วันนี้ (9 มิ.ย.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม นางอรุณี สุรทรภัทร อายุ 51 ปี น้องสาวของนายเอกยุทธ อัญชันบุตร พร้อมด้วยนายสุวัตร อภัยภักดิ์ และ น.ส.วิรัลพัชร เวชทาวริทธิ์ธร ทนายความ นำหลักฐานบัตรประจำตัวประชาชนและภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายเอกยุทธ เข้ามอบให้กับฝ่ายสืบสวน บก.ป.เพื่อช่วยติดตามหาตัวนายเอกยุทธ หลังจากขาดการติดต่อไปในคืนวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย.เวลาประมาณ 20.00 น.
นางอรุณีเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. เวลา 09.00 น. นายเอกยุทธได้ติดต่อทางโทรศัพท์ถึงนางสุภากรณ์ แหวนหล่อ พี่สาวคนโต ว่าให้นำสมุดเช็คของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาทาวน์อินทาวน์ ส่งมอบให้พนักงานขับรถของบริษัท เพื่อนำไปให้นายเอกยุทธที่ประตู 8 สนามบินสุวรรณภูมิ แต่เมื่อเดินทางไปถึงจุดนัดพบ ไม่พบนายเอกยุทธแต่อย่างใด พบเพียงรถยนต์ตู้ยี่ห้อโฟล์ค สีดำ ทะเบียน ฮพ 9304 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่ที่ประตู 7 และเมื่อเดินทางไปถึงจุดนัดพบก็พบนายสันติภาพ เพ็งด้วง อายุประมาณ 25 ปี เป็นผู้มารับเช็ค และนายสันติภาพได้กล่าวกับพนักงานขับรถที่นำสมุดเช็คไปให้ว่า ให้จอดรอที่จุดดังกล่าวเป็นเวลา 45 นาที เพื่อรอนายเอกยุทธเซ็นสมุดเช็ค
ต่อมาทางพนักงานขับรถคนดังกล่าวก็รับเช็คที่นายเอกยุทธเซ็นแล้วไปขึ้นเงินที่ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาทาวน์อินทาวน์ เป็นจำนวนเงิน 5 ล้านบาท แต่เมื่อไปถึงธนาคารไม่สามารถขึ้นเงินได้ เนื่องจากเซ็นข้อมูลในเช็คผิด แต่เวลาต่อมาทางธนาคารได้ติดต่อทางโทรศัพท์ถึงนายเอกยุทธ จึงสามารถเบิกเงินจำนวน 5 ล้านบาทได้ จากนั้นพนักงานขับรถจึงนำเงินไปที่จุดนัดหมายที่ประตู 8 สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อถึงจุดนัดก็ไม่พบนายเอกยุทธ แต่มีนายสันติภาพซึ่งเป็นคนขับรถประจำตัวของนายเอกยุทธมารับเงินดังกล่าวไป พร้อมขับรถตู้คันดังกล่าวออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไป
สำหรับการหายตัวไปของนายเอกยุทธ ทางญาติพบว่านายเอกยุทธได้นัดรับประทานอาหารกับเพื่อนที่ร้านอาหารชื่อร้านกระแต ย่านสะพานควาย ในคืนวันพุธที่ 6 มิ.ย.เวลาประมาณ 22.00 น.กับเพื่อนสนิท หลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณ 23.00 น.ได้เดินทางออกจากร้านดังกล่าวพร้อมคนขับรถ และสามารถติดต่อกับนายเอกยุทธทางโทรศัพท์ครั้งสุดท้ายได้เมื่อวันศุกร์ที่ 7 มิ.ย.เวลา 20.00 น. โดยหลังจากนั้นทางญาติจึงเดินทางไปบ้านพักนายเอกยุทธย่านทาวน์อินทาวน์ พบว่า ประตูไม้ด้านหลังบ้านพักถูกเปิดทิ้งไว้ และเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดถูกขโมยไป จึงเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.วังทองหลาง เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (8 มิ.ย) เพื่อให้ช่วยติดตามหาตัวนายเอกยุทธ พร้อมทรัพย์สินที่ติดตัวไป ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท
ทางด้านนายสุวัตรกล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่คาดว่าเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายเอกยุทธมีหลายประเด็น ซึ่งก่อนหน้านี้นายเอกยุทธได้ไล่พนักงานของบริษัทจำนวน 3 คนออกจากงาน เนื่องจากจับได้ว่าร่วมกันยักยอกเงินบริษัทไปจำนวนกว่า 1 ล้านบาท ประเด็นต่อมาคาดว่าจะเป็นเรื่องความขัดแย้งระหว่างนายเอกยุทธกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธที่ 6 มิ.ย.ได้มีหมายเรียกนายเอกยุทธให้เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ในกรณีที่ พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น.ให้การเท็จ กรณีทะเลาะวิวาทในร้านอาหารคาราโอเกะซิตี้ ย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา เมื่อช่วงเดือน ธ.ค.ปี 2555
ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่พนักงานสืบสวน บก.ป.กล่าวว่า สำหรับการนำหลักฐานมามอบให้พนักงานสืบสวนกองบังคับการปราบปรามในครั้งนี้ กรณีดังกล่าวไม่สามารถรับแจ้งความได้ เนื่องจากคดีดังกล่าวเป็นหน้าที่รับผิดชอบของ สน.วังทองหลาง แต่ทางกองบังคับการปราบปรามจะส่งเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไปช่วยทำการสืบสวนคลี่คลายคดี โดยเบื้องต้นจะตรวจสอบกล้องวงจรปิดของสนามบินสุวรรณภูมิ เพื่อหาเบาะแสการหายตัวต่อไป
พ.ต.ท.นิคม ชัยเจริญ สว.กก.1 บก.ป.สั่งการให้ชุดสืบสวนประสานข้อมูลร่วมกับทาง สน.วังทองหลาง และชุดสืบสวน กก.สส.บก.น.4 เพื่อเร่งสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ในการติดตามตัวนายเอกยุทธ อย่างไรก็ดี ทาง บก.ป.ไม่ได้รับแจ้งความ หรือลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแต่อย่างใด เนื่องจากญาติของนายเอกยุทธได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สน.วังทองหลางไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา10.00น. วันเดียวกัน นางสุภากร แหวนหล่อ อายุ 56 ปีพี่สาวนายเอกยุทธ อัญชันบุตร ได้เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สำรวย แสนสม พงส. สน.วังทองหลาง เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม หลังจากที่เข้าแจ้งความเมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ว่านายเอกยุทธ น้องชายได้หายตัวออกจากบ้านไปพร้อมกับคนขับรถจากบ้านย่านทาวน์ อิน ทาวน์ และติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ จึงเดินทางเข้ามาแจ้งความเอาไว้ พนักงานสอบสวนจึงได้เรียกคนที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ มีพี่สาว หลานชายและเสมียนของบริษัทของ นายเอกยุทธ
เบื้องต้นทราบว่า นายเอกยุทธพร้อมคนขับไปกินอาหารที่ร้านกระแต ย่านสะพานควายเมื่อวันที่ 6 ประมาณ 4 ทุ่ม หลังจากนั้นก็ออกจากร้านประมาณ 5 ทุ่มพร้อมคนขับรถโดยใช้รถโฟลคประจำตัวสีดำ จากนั้นก็เดินทางกลับมาที่บ้านที่อยู่ตรงข้ามบริษัทย่านทาวน์ อิน ทาวน์ จากนั้นวันรุ่งขึ้นก็ได้มีการติดต่อให้หลานไปเบิกเงินสดจำนวน 5 ล้านบาท แล้วให้เสมียนนำเงินมาให้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้นก็ไม่สามมารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้ทั้งคู่ เมื่อทางญาติติดต่อไม่ได้และพบความผิดปกติว่าเซิฟเวอร์กล้องวงจรปิดภายในบ้านหายไป จึงเดินทางมาแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง
จากนั้นพ.ต.อ.สาโรช ซุ่นทรัพย์ รอง ผบก.น.4 จึงได้เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนและชุดพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.อ.นพศิล พูนสวัสดิ์ ผกก.3 กก.สส.บชน. พ.ต.อ.สง่า กรรภิรมย์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.ท.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ เข้าร่วมประชุม โดยมีบรรดาญาติ และคนใกล้ชิดของนายเอกยุทธเข้าร่วมประชุมด้วย