ตร.ท่องเที่ยวรวบตัวโชเฟอร์แท็กซี่ โกงค่าตั๋วเข้าชมวัดพระโพธิ์นักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม หัวละ 500 บาท แต่ผู้ต้องหายังการให้ปฏิเสธ เบื้องต้นถูกแจ้งข้อหาพยายามฉ้อโกง
วันนี้ (4 มิ.ย.) ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) พ.ต.อ.ชาคร ศรีวัฒนประยูร ผกก.1 บก.ทท. พ.ต.ต.บวรภพ สุนทรเรขา สว.ส.ทท.2 กก.1 บก.ทท.และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน แถลงผลจับกุมนายชนติศักดิ์ ภูเยี่ยมจิตร อายุ 38 ปี ชาวจังหวัดกาฬสินธุ์ โชเฟอร์แท็กซี่ พร้อมของกลางรถแท็กซี่สีชมพู ของบริษัท สหกรณ์สหมิตรแท็กซี่ ทะเบียน ทศ 7663 กรุงเทพมหานคร โดยไม่ติดป้ายเครื่องหมายแท็กซี่บนหลังคารถ และบัตรเข้าชมวัดโพธิ์สำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ราคา 100 บาท จำนวน 3 ใบ จับกุมได้บริเวณหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ
พล.ต.ต.ชาคร กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวชาวเวียดนาม 4 คน ได้เข้าร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยว เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.56 เวลาประมาณ 11.30 น. ว่านายชนติศักดิ์ โชเฟอร์แท็กซี่สีชมพู ไม่ติดป้ายแท็กซี่ไฟบนหลังคารถ หมายเลขทะเบียน ทศ 7663 กรุงเทพมหานคร ได้ทำการนัดหมายกับนักท่องเที่ยวทั้ง 4 คน ว่าจะพานำเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยเมื่อมาถึงวัดโพธิ์ได้บอกกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ว่า ราคาบัตรค่าเข้าชมภายในวัดคิดอัตรานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนละ 700 บาท และบอกว่าตนเองสามารถซื้อได้ถูกกว่าราคาที่นักท่องเที่ยวจะซื้อได้ ในราคา 500 บาท และบอกกับนักท่องเที่ยวว่าให้รออยู่ด้านนอกวัด ตนเองจะเข้าไปซื้อตั๋วเอง จากนั้นนายชนติศักดิ์จะนำตั๋วที่ซื้อไปยื่นให้กับเจ้าหน้าที่รับบัตรเอง และโชเฟอร์แท็กซี่จะเก็บหางตั๋วไว้เอง โดยจะไม่ให้นักท่องเที่ยวเห็น ภายหลังนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวเริ่มสงสัยจึงไปขอหางบัตรจากเจ้าหน้าที่เก็บตั๋วของวัดโพธิ์ว่าจริงๆ แล้วราคาเท่าไหร่ จึงทราบความจริงว่าตั๋วราคาเพียง 100 บาทต่อคน จึงเดินทางมาร้องเรียนกับเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณหน้าวัดโพธิ์
พ.ต.ต.บวรภพ กล่าวว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงเข้าไปสอบถามนายชนติศักดิ์ เบื้องต้นทางผู้ต้องหาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมยืนยันว่าซื้อตั๋วในราคาปกติไม่ได้มีการฉ้อโกงผู้โดยสารแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อต้องทำการสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาแก่โชเฟอร์รายนี้ ในข้อหา “พยายามฉ้อโกง” และ “ไม่ติดอุปกรณ์รถรับจ้าง ตามกำหนดในกฎกระทรวง ตาม พ.ร.บ.2522” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป