“แมน เตาปูน” พาลูกน้องเข้าพบตำรวจ สน.โชคชัย อ้างถูกหาเรื่องก่อน

“แมน เตาปูน” พาลูกน้องเข้าพบตำรวจ สน.โชคชัย กรณีมีเรื่องที่สถานบันเทิงเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ อ้างคู่กรณีหาเรื่องก่อน

วันนี้ (3 มิ.ย.) เวลา 14.00 น. นายสุขสันต์ คงอุดม หรือ “แมน เตาปูน” อายุ 43 ปี พร้อมนายสุภา พึ่งธรรมจิตต์ หรือบิ๊ก อายุ 47 ปี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย กรณีมีคลิปวิดีโอวงจรปิดเผยแพร่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก กรณีการทำร้ายร่างกายในสถานบันเทิงย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ระบุข้อมูลว่าเป็น “แมน เตาปูน” ลูกชาย “ชัช เตาปูน” พูดจาข่มขู่นักท่องเที่ยว ต่อมามีชัช เตาปูนได้แถลงข่าวออกมายอมรับว่าลูกชายได้ไปเที่ยวสถานบันเทิงดังกล่าวจริงแต่ถูกคู่อริหาเรื่องก่อน โดยทาง สน.โชคชัย เจ้าของพื้นที่ออกหมายเรียกแมน เตาปูนมาให้ปากคำเป็นที่เรียบร้อยตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

นายสุขสันต์กล่าวว่า วันนี้ตนเดินทางมาแสดงความบริสุทธิ์ใจ ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย วันเกิดเหตุประมาณช่วงตี 1 คู่กรณีได้กวักมือเรียกตนหลายครั้ง ซึ่งตนก็เคยเห็นหน้านายจุ้ย ประตูน้ำ มาก่อน โดยเห็นที่ย่านประตูน้ำนานแล้ว เมื่ออีกฝ่ายกวักมือเรียกทำให้ตนสงสัยจึงเดินเข้าไปถามว่ามีอะไรหรือเปล่า แต่พรรคพวกได้พาตนออกไปนอกร้านก่อน จากนั้นเหตุการณ์ก็เป็นไปตามภาพวงจรปิด คือมีปากเสียงจนนำไปสู่การทะเลาะวิวาท ซึ่งตนก็ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ต่อมาไม่ได้ติดใจอะไร แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคลิปดังกล่าวถึงถูกโพสต์ในอินเทอร์เน็ต มีการเขียนข้อความพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 ขึ้นมาด้วย โดยบุคคลที่ 3 นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุดังกล่าว อีกทั้งตนไม่ได้มีการประกาศตัวโอ้อวดแม้แต่น้อยและไม่ได้คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายขนาดนี้

แมน เตาปูน กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุก็ไม่ได้คุยกับจุ้ยเลย แม้อีกฝ่ายจะพยายามติดต่อมาก็ตาม สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่ทราบเรื่องและยืนยันว่าไม่ใช่การทะเลาะวิวาทที่เกิดจากเหตุชู้สาวแน่นอน

ด้าน ผกก.สน.โชคชัยเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้กลุ่มนายแมนได้เดินทางมาให้ปากคำตามที่เจ้าหน้าที่ออกหมายเรียกไป โดยพาตัวนายสุภา ซึ่งเป็นคนที่ปรากฏในภาพวงจรปิด มีด้วยกัน 2 คน เจ้าหน้าที่จะสอบปากคำว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ตนได้ออกหมายเรียกทั้งสองฝ่าย แต่ฝ่ายนายจุ้ยยังไม่ได้ติดต่อกลับมาหรือแจ้งความไว้ จึงขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนให้นายจุ้ยเดินทางมาให้ปากคำต่อไป ส่วนเรื่องการเปิดสถานบริการเกินเวลานั้น ตามกล้องวงจรปิดกับเวลาจริงๆ มักจะไม่ตรงกัน ต้องมาตรวจสอบว่าเวลาเกิดเหตุจริงๆ ซึ่งพบว่าในกล้องระบุเวลา 02.40 น. แต่ช่วงเกิดเหตุตามเวลาจริงคือ 01.40 น.

พ.ต.อ.ธนวัตรกล่าวต่อว่า คดีนี้แม้อีกฝ่ายจะยังไม่มาแจ้งความ แต่ทางตำรวจก็จะแจ้งข้อหากับนายบิ๊กไปก่อน เพราะเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนมีคลิปปรากฏในโลกอินเทอร์เน็ต ทางผู้บังคับบัญชาก็มีคำสั่งให้แจ้งข้อหาไปก่อน เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายไม่เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กายกับนายบึ้ก ซึ่งเป็นคนที่ปรากฏในภาพวงจรปิด ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำหรับบุคคลอีกรายที่ปรากฏในภาพวงจรปิดแล้วมีเหตุวิวาทกับคู่กรณี ทราบชื่อคือ นายไพรัชช์ สุบิน อายุ 33 ปีก็ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาเช่นเดียวกัน