หัวหน้าส่วนโยธา อบต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว ควงทนาย เข้ารับทราบข้อกล่าวหากรณีทุจริตสอบครูผู้ช่วย ยันปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปัดไม่รู้จัก ผอ.โรงเรียนเสมาอุปภัมภ์ “ธานินทร์” ชี้ “ประจักษ์” ได้ไปฝึกอบรมการใช้โทรศัพท์ในการทุจริตสอบที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในจ.ขอนแก่น มีคนเข้าอบรมไม่ต่ำกว่า 200 คน ระบุสัปดาห์ที่ผ่านมาเข้าค้นบ้านผู้ต้องหาพบอุปกรณ์ชาร์จมือถือตรึม! เดินหน้าสืบที่มาของเงิน พร้อมควานหาผู้ร่วมขบวนการ
เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 29 พ.ค.ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายประจักษ์ คงแหลม อายุ 40 ปี หัวหน้าส่วนโยธา องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ อยู่บ้านเลขที่ 340 หมู่บ้านอรวรรณคันทรี หมู่ 11 ต.โพนทอง อ.เมืองชัยภูมิ พร้อมทนายความ เข้าพบนายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีกรณีทุจริตการสอบคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ตามมาตรา 143 ประมวลกฎหมายอาญา ฐานผู้ใดเรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์ อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเป็นการตอบแทนในการที่จะจูงใจพนักงาน ให้กระทำการ หรือไม่กระทำการในหน้าที่อันเป็นคุณ หรือเป็นโทษแก่บุคคลใด หลังดีเอสไอสอบสวนพบว่าเกี่ยวข้องกับขบวนการทุจริตสอบครูผู้ช่วย เบื้องต้นให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา การสอบสวนใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. ก่อนที่นายประจักษ์ซึ่งใส่แว่นตาดำปกปิดใบหน้าและอยู่ในอาการเคร่งเครียดได้รีบเดินทางกลับทันทีโดยไม่ยอมให้สัมภาษณ์ หลังเข้าพบดีเอสไอก่อนเวลานัด 2 ชม. เพื่อหลบสื่อมวลชน
นายธานินทร์กล่าวว่า สืบเนื่องจากพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้นำหมายศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 82/2556 เข้าค้นบ้านของนายประจักษ์ในจังหวัดชัยภูมิเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา พบพยานหลักฐานสำคัญเป็นอุปกรณ์ชาร์จโทรศัพท์มือถือเป็นจำนวนมาก ดีเอสไอจึงออกหมายเรียกนายประจักษ์ ให้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 กรณีเรียกรับเงินเพื่อจูงใจให้เจ้าพนักงานช่วยเหลือในการสอบครูผู้ช่วย เมื่อวันที่ 13 ม.ค. เบื้องต้นนายประจักษ์ให้การปฏิเสธ และขอให้การในชั้นศาล พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติการณ์ตามที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษกล่าวอ้าง และไม่รู้จักนายอำพร ทวรรณกุล ผอ.โรงเรียนเสมาอุปภัมภ์ อ.จักราช อ.นครราชสีมา ที่ดีเอสไอได้แจ้งข้อกล่าวหาไปในกรณีขายข้อสอบครูผู้ช่วย รวมทั้งภาพถ่ายผู้ต้องสงสัยที่น่าจะทุจริตซึ่งดีเอสไอได้ให้นายประจักษ์ดู แต่ก็ได้ให้การว่าไม่รู้จักเช่นกัน
ผอ.ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า สำหรับพฤติการณ์ของนายประจักษ์ จากการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอพบว่า ก่อนสอบครูผู้ช่วย นายประจักษ์เป็นคนจัดฝึกอบรมในการใช้เครื่องโทรศัพท์มือถือที่ใช้ส่งสัญญาณในการทุจริตสอบครูผู้ช่วย โดยในวันที่ 12 ม.ค. 56 นายประจักษ์ได้ส่งสัญญาณผ่านโทรศัพท์มือถือไปบอกข้อสอบกับผู้ที่ทุจริตว่า ในวันสอบแต่ละชุดวิชาจะมีข้อสอบอะไรบ้าง พร้อมส่งเฉลยข้อสอบไปให้เลย อย่างไรก็ตาม นายประจักษ์นั้นถือว่าเป็นคนกลาง โดยไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการเฉลยข้อสอบ แต่เป็นคนกลางที่ติดต่อกับผู้สมัครสอบ การเรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบหากอยากสอบครูผู้ช่วยได้ เพื่อนำไปจูงใจให้เจ้าพนักงานให้ช่วยให้สอบได้ มีวงเงินการเรียกตั้งแต่ 400,000-600,000 บาท ของนายประจักษ์ จากพยานหลักฐานที่ดีเอสไอได้มาโดยเฉพาะผู้ที่เข้าสอบเป็นพยานให้การยืนยันว่านายประจักษ์เป็นคนฝึกอบรมการใช้โทรศัพท์ มีการส่งสัญญาณวันสอบ มีการให้โพยข้อสอบ และเฉลยข้อสอบ เมื่อมีการสอบครูผู้ช่วยได้ โดยผู้ที่ตกลงกันไว้ได้มีการนำเงินมาให้นายประจักษ์ ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ มีพยานหลักฐานชัดเจน
นายธานินทร์กล่าวต่อว่า ส่วนเงินในบัญชีของนายประจักษ์ตรวจสอบแล้วยังไม่พบข้อพิรุธในเรื่องของเงินหมุนเวียน แต่จากการสอบพยานพบว่าไม่มีการโอนเงิน เมื่อมีการสอบได้จะมีการนำเงินสดมาให้นายประจักษ์เลย แต่จากข้อมูลการสืบสวนสอบสวนของดีเอสไอพบว่า นายประจักษ์ได้ไปฝึกอบรมการใช้โทรศัพท์ในการทุจริตสอบที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น มีคนเข้าอบรมไม่ต่ำกว่า 200 คนที่นายประจักษ์อบรมการใช้โทรศัพท์ให้ ดังนั้นคนที่จะทุจริตต้องจ่ายเงินคนละ 400,000-600,000 คงมีเงินเป็น 100 ล้านบาท ทั้งนี้ ดีเอสไอกำลังตามสายเงินว่าเมื่อมีการจ่ายเงินไปแล้วมีการโอนไปที่ไหนบ้าง มีใครเกี่ยวข้องบ้าง เจ้าหน้าที่ของ สพฐ.เกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในชั้นของการสืบสวนสอบสวน แต่หลังจากนี้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะรีบสรุปสำนวนสั่งฟ้องนายประจักษ์ต่ออัยการต่อไป