ตำรวจกองปราบฯ ตามจับหนุ่มแสบไม่สำนึกบุญคุณข้าวก้นบาตร กินบนเรือนขี้บนหลังคา หลังก่อคดีขโมยของพระสงฆ์ป่วยกล่องเสียงใช้การไม่ได้คากุฏิวัดกลางแล้วหลบหนีเอาทรัพย์สินพร้อมพระเครื่องหลายรายการไปขายที่เมืองกรุงเก่า หาเงินเล่น-พนันเสพยาบ้า
วันนี้ (28 พ.ค.) ที่กองปราบปราม พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก.1 บก.ป. ร.ต.อ.สมศักดิ์ แก้วทอง รอง สว.กก.1 บก.ป.นำกำลังจับกุม นายไพโรจน์ โพธิ์รัง อายุ 33 ปี อาชีพช่างเชื่อม อยู่บ้านเลขที่ 95/4 หมู่ 4 ต.บ้านกร่าง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 909/2556 ลงวันที่ 23 พฤษภาคม 2556 ข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยเข้าทางช่องทางซึ่งทำขึ้นโดยไม่ได้จำนงให้เป็นทางเข้าออก พร้อมของกลาง เสื้อผ้าที่ใช้สวมใส่ในการก่อเหตุ แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง ที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ คีม ใบเลื่อย กรรไกร กระเป๋าเป้ เข็มขัด รวมมูลค่ากว่า 2 หมื่นบาท โดยจับกุมได้ที่บริเวณตลาดรัตนโกสินทร์ 200 ปี ถนนรังสิต-ปทุมธานี ต.บางพูน อ.เมือง จ.ปทุมธานี เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากผู้ต้องหาได้ก่อเหตุลักทรัพย์ภายในกุฏิหลวงพ่อสมพัตร พักตรพันธานนท์ อายุ 78 ปี พระลูกวัดจันทวงศาราม (วัดกลาง) ตั้งอยู่ซอยลาดพร้าว 132 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม.รวม 5 ครั้ง หลังจากทราบว่าพระรูปดังกล่าวป่วยที่กล่องเสียงไม่สามารถใช้เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากใครได้ โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2555 ผู้ต้องหาได้ทรัพย์สินเป็นเงินสด พระเครื่องและของมีค่าต่างๆ รวมมูลค่ากว่า 1 แสนบาท ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 ได้เงินสดและโทรศัพท์มือถือ หลังจากนั้นญาติโยมจึงติดตั้งกล้องวงจรปิด เพราะเกรงว่าคนร้ายจะทำร้ายหลวงพ่อ
ต่อมาในครั้งที่ 3-4 ผู้ต้องหายังย่ามใจบุกมาพยายามงัดแงะกุฏิ โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพไว้ได้ ซึ่งทุกครั้งผู้ต้องหาจะสวมเสื้อเชิ้ตลายสกอต และใส่หมวกแก๊ปปิดบังใบหน้า โดยครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา ชาวบ้านพบเห็นและพยายามวิ่งไล่จับแต่ผู้ต้องหายังสามารถหลบหนีไปได้ จึงพากันเข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.สรรพวุฒิ พิพัฒพันธุ์ รอง ผบช.ก.ก่อนมีการประสานมายัง บก.ป.ในการติดตามจับกุมผู้ต้องหารายนี้ ซึ่งชุดสืบสวนใช้เวลาในการแกะรอยติดตามนานกว่า 2 เดือนจึงสามารถจับกุมผู้ต้องหาไว้ได้
สอบสวนนายไพโรจน์รับสารภาพว่า สาเหตุที่เลือกลงมือที่กุฏิหลวงพ่อที่วัดแห่งนี้เนื่องจากเคยมาขอข้าวก้นบาตรกินประทังชีวิต จึงทราบว่าหลวงพ่อไม่มีเสียง ประกอบกับตนติดยาบ้า งานที่ทำรายได้ไม่เพียงพอจึงก่อเหตุดังกล่าว ส่วนทรัพย์สินที่เป็นพระเครื่องจะนำไปขายที่ตลาดหัวรอ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นร้านประจำ มีทั้งหลวงพ่อโสธร เจ้าคุณนร พระนางพญา ฯลฯ ได้เงินมาหลายหมื่นบาท นำเงินที่ได้ไปเล่นการพนัน และซื้อยาบ้ามาเสพ เมื่อเงินหมดก็จะลงมือก่อเหตุอีก
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมเชื่อว่าผู้ต้องหาน่าจะลงมือก่อเหตุมาอีกหลายครั้ง จึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว รับไว้ดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหายังพบว่าเคยต้องโทษในคดีต่างๆ มาแล้ว 7 คดี ประกอบด้วย คดีพนันท้องที่ สภ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี, ความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด ท้องที่ สภ.สามชุก จ.สุพรรณบุรี, คดีข่มขืนกระทำชำเรา ที่ สภ.สีบัวทอง จ.อ่างทอง, คดีลักทรัพย์ ท้องที่ สน.วังทองหลาง, คดีเสพยาเสพติดที่ สภ.สามชุก, สน.ลาดพร้าว และ สน.ประชาชื่น