ชุดคลี่คลายคดีแฮกเกอร์เจาะเว็บไซต์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เร่งคลี่คดี ยันศาลให้อำนาจยึดอาญัติคอมพิวเตอร์ของกลางไว้ตรวจสอบ มั่นใจหลักฐานทำงานเป็นขบวนการ
วันนี้ (26 พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา พ.ต.อ.ปรัชญา ประสานสุข รองผบก.ปอท และเจ้าหน้าที่ปอท. ร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีแฮกเกอร์เจาะเข้าเว็บไซต์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยพล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปิดเผยว่า การประชุมในครั้งนี้เพื่อเร่ง และรับทราบผลในสิ่งที่สั่งการและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติ โดยความคืบหน้าล่าสุดของคดีนี้คือ นายณรงค์ฤทธิ์ ได้ให้ทนายความยื่นหนังสือไม่ให้ความยินยอมในการตรวจคอมพิวเตอร์ แต่ทางปอท.ได้มีการขออำนาจตามมาตรา 18 และ 19 ให้อนุญาติเจ้าหน้าที่พนักงานสืบสวนสอบสวนมีอำนาจในการยึดและอายัด
"ศาลอาญาได้ตัดสินให้อำนาจในการยึดอาญัติคอมพิวเตอร์ของ นายณรงค์ฤทธฺิ์ หรือ ตาเล็ก ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยตามกระบวนการปอท.ต้องแจ้งให้เจ้าของคอมพิวเตอร์ทราบก่อน ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และเรียกให้เข้าพบในวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่นายณรงค์ฤทธฺ์ไม่ได้มาตามนัดหมาย และไม่ได้มีการติดต่อ ทางปอท.จะดำเนินการตรวจค้นคอมพิวเตอร์ตามอำนาจต่อไป และเนื่องจากนายณรงค์ฤทธิ์ ข้องใจในการทำหน้าที่ของปอท.ว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ส่งเรื่องให้กองพิสูจน์หลักฐานซึ่งเป็นหน่วยอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้เป็นผู้ดำเนินการ" พล.ต.ต.พิสิษฐ์กล่าว
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า ทางการสืบสวนได้พบเพิ่มเติมว่าคดีนี้มีผู้กระทำความผิดหลายคน แบ่งหน้าที่กันทำ ราว 4-5 คน ทำงานเป็นขบวนการที่สอดรับกัน ดังนั้นการรวบรวมพยานหลักฐานจึงจำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง หลังจากวันนี้ตนได้มีการสั่งการและมอบหมายหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่พนักงานสืบสวนสอบสวนปฏิบัติ เนื่องด้วยข้อมูลที่มากอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะ เพื่อให้คดีนี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรมที่สุด ส่วนนายณรงค์ฤทธิ์จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องติดตามผลการตรวจค้นคอมพิวเตอร์ว่าสอดคล้องกับข้อมูลที่ทางปอท.ได้มีการสืบสวนมาแต่ต้น ถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีตามข้อกฏหมายต่อไป
วันนี้ (26 พ.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) พล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปาอินทร์ ผบก.ปอท. พ.ต.อ.ศิริพงษ์ ติมุลา พ.ต.อ.ปรัชญา ประสานสุข รองผบก.ปอท และเจ้าหน้าที่ปอท. ร่วมประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีแฮกเกอร์เจาะเข้าเว็บไซต์สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยพล.ต.ต.พิสิษฐ์ เปิดเผยว่า การประชุมในครั้งนี้เพื่อเร่ง และรับทราบผลในสิ่งที่สั่งการและมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติ โดยความคืบหน้าล่าสุดของคดีนี้คือ นายณรงค์ฤทธิ์ ได้ให้ทนายความยื่นหนังสือไม่ให้ความยินยอมในการตรวจคอมพิวเตอร์ แต่ทางปอท.ได้มีการขออำนาจตามมาตรา 18 และ 19 ให้อนุญาติเจ้าหน้าที่พนักงานสืบสวนสอบสวนมีอำนาจในการยึดและอายัด
"ศาลอาญาได้ตัดสินให้อำนาจในการยึดอาญัติคอมพิวเตอร์ของ นายณรงค์ฤทธฺิ์ หรือ ตาเล็ก ตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยตามกระบวนการปอท.ต้องแจ้งให้เจ้าของคอมพิวเตอร์ทราบก่อน ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว และเรียกให้เข้าพบในวันศุกร์ที่ผ่านมา แต่นายณรงค์ฤทธฺ์ไม่ได้มาตามนัดหมาย และไม่ได้มีการติดต่อ ทางปอท.จะดำเนินการตรวจค้นคอมพิวเตอร์ตามอำนาจต่อไป และเนื่องจากนายณรงค์ฤทธิ์ ข้องใจในการทำหน้าที่ของปอท.ว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้ส่งเรื่องให้กองพิสูจน์หลักฐานซึ่งเป็นหน่วยอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดีนี้เป็นผู้ดำเนินการ" พล.ต.ต.พิสิษฐ์กล่าว
พล.ต.ต.พิสิษฐ์ กล่าวต่อว่า ทางการสืบสวนได้พบเพิ่มเติมว่าคดีนี้มีผู้กระทำความผิดหลายคน แบ่งหน้าที่กันทำ ราว 4-5 คน ทำงานเป็นขบวนการที่สอดรับกัน ดังนั้นการรวบรวมพยานหลักฐานจึงจำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่ง หลังจากวันนี้ตนได้มีการสั่งการและมอบหมายหน้าที่ให้เจ้าหน้าที่พนักงานสืบสวนสอบสวนปฏิบัติ เนื่องด้วยข้อมูลที่มากอาจจะต้องใช้เวลาสักระยะ เพื่อให้คดีนี้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรมที่สุด ส่วนนายณรงค์ฤทธิ์จะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องติดตามผลการตรวจค้นคอมพิวเตอร์ว่าสอดคล้องกับข้อมูลที่ทางปอท.ได้มีการสืบสวนมาแต่ต้น ถ้าพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินคดีตามข้อกฏหมายต่อไป
