สมุทรปราการ - สภ.บางพลี แถลงข่าวจับกุมผู้ต้องหาคดีร่วมกันลักทรัพย์ตามหมายจับ หลังร่วมกับพรรคพวกตุ๋นเจ้าของร้านทองย่านบางพลี โดยทำทีขอซื้อทองคำแท่งน้ำหนัก 100 บาท มูลค่ากว่า 2.5 ล้านบาท แล้วให้พรรคพวกนำเช็คเคลียริงเช็คโอนเงินเข้าบัญชีเจ้าของร้านทองก่อนนำสำเนาจ่ายเช็คมาขอรับทองคำหนีลอยนวลอย่างง่ายดาย
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (20 พ.ค.) พ.ต.อ.กรวัฒน์ หันประดิษฐ์ ผกก.สภ.บางพลี สมุทรปราการ พ.ต.ท.เชาว์ ป้อมงาม รอง ผกก.สส. พ.ต.ต.ภูวนาถ แก่นจันทร์ สว.สส.พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมตัว นายสมชาย นาบุญ อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 92/96 ซอยชวาลา แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม.ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรปราการ ที่ 808/2556 ในคดีร่วมกันลักทรัพย์ โดยจับกุมได้ที่ห้องเช่าคอนโดไม่มีชื่อภายในซอยศรีด่าน ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง สมุทรปราการ
ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อประมาณต้นเดือนกันยายน 2555 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.บางพลี อ.บางพลี สมุทรปราการ ได้รับแจ้งจากเจ้าของร้านทองอัศวินเยาวราช สาขาบางพลี ว่าถูกกลุ่มคนร้ายเป็นชายและหญิงได้ใช้กลอุบายหลอกเอาทองคำแท่งหนัก 100 บาทไป โดยที่มี น.ส.อุ้ม ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง ได้โทรศัพท์มาสอบถามราคาทองคำแท่งที่ร้าน ก่อนที่จะซื้อทองคำแท่งน้ำหนัก 100 บาท โดยตกลงซื้อขายกันในราคา 2,590,000 บาท โดยจะโอนเงินผ่านทางธนาคาร โดยหญิงสาวคนดังกล่าวได้ขอเลขบัญชีธนาคารไป หลังจากเจ้าของร้านได้นำบัญชีไปตรวจสอบ พบว่ามียอดเงินเข้ามาในบัญชีจริงตามที่ได้ตกลงกันไว้ หญิงคนดังกล่าวที่อ้างชื่อว่า น.ส.อุ้ม จึงได้ให้คนร้ายที่เป็นชายขับรถนำสำเนาการโอนเงินผ่านเช็คมารับทองคำแท่งน้ำหนัก 100 บาทไป จนกระทั่งวันรุ่งขึ้นเจ้าของร้านทองได้นำบัตรเอทีเอ็มไปกด เพื่อที่จะถอนเงินออก ได้พบว่ายอดเงินจำนวนดังกล่าวได้หายไปจากยอดบัญชี โดยทางธนาคารได้แจ้งว่าผู้โอนไม่มียอดเงินเพียงพอในการโอน (ระบบเคลียริงเช็ค-โอนเช็คต่างธนาคาร)
หลังทราบข้อมูลเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บางพลี จึงได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าวจนกระทั่งได้เบาะแสเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดของธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาโรงพยาบาลศิริราช ว่ามีหญิงสาวใช้ผ้าคาดหน้านำเช็คเคลียริงเช็คเข้าไปโอนเงินภายในธนาคารดังกล่าวให้กับผู้เสียหาย โดยมีชายวัยรุ่นชุดดำ ไว้หนวด เดินประกบมา จากการตรวจสอบพบเช็คดังกล่าวมีนายสมหมาย นาบุญ เป็นเจ้าของเช็ค จึงได้รวบรวมหลักฐานขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดสมุทรปราการ และติดตามจับกุมตัวนายสมหมาย ได้ในขณะที่กำลังกบดานอยู่กับเมียสาวคราวหลานอยู่ภายในคอนโดไม่มีชื่อภายในซอยศรีด่าน 3 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ ก่อนคุมตัวมาทำการสอบสวน
จากการสอบสวนนายสมหมาย ได้ให้การรับสารภาพว่า ยังมีเพื่อนร่วมแก๊งอีก 1 คน ชื่อนางสาวรุจิรา ตัณฑุลวณิชย์ หรือ จิ อายุ 28 ปี ซึ่งเป็นคนสั่งการและว่าจ้างให้ตนไปเปิดบัญชีเพื่อซื้อเช็คเงินสดออกมา โดยได้ค่าจ้าง 1 หมื่นบาท หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 อาทิตย์ น.ส.รุจิรา ได้นำเงินมามอบให้ตนอีกจำนวน 2 แสนบาท โดยอ้างว่าเป็นส่วนแบ่ง 10 เปอร์เซ็นต์ ของการลงมือก่อเหตุ นอกจากนี้ยังมีเพื่อนร่วมขบวนการอีกหลายคน ซึ่งหนึ่งในจำนวนนั้นมี น.ส.อุ้ม ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง อายุประมาณ 30 ปี รวมอยู่ด้วย
และจากการตรวจสอบประวัติของ น.ส.รุจิรา แล้ว พบว่ายังเป็นผู้ต้องหาในคดีลักษณะเดียวกันอีกหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งเคยก่อเหตุทำนองเดียวกันมาแล้วถึง 3 ครั้ง พื้นที่สำโรงเหนือ สมุทรปราการ 1 ครั้ง พื้นที่อำเภอบางเสาธง สมุทรปราการ 1 ครั้ง และพื้นที่ สภ.เมือง สมุทรปราการ อีก 1 ครั้ง โดยใช้พฤติกรรมเดียวกัน โดย น.ส.อุ้ม เป็นคนสุ่มหาเบอร์โทรศัพท์ร้านทองในพื้นที่ต่างๆ ก่อนทำทีโทรศัพท์มาติดต่อของซื้อทองคำแท่ง และตกลงว่าจะใช้วิธิโอนเงินให้ หลังจากนั้น น.ส.อุ้ม ก็จะนำเคลียริงเช็คที่มียอดเงินตรงกับราคาทองคำที่ซื้อ ไปทำการโอนเงินเข้าไปบัญชีของเหยื่อที่ธนาคาร ทำให้ยอดเงินไปโชว์ในบัญชีของผู้เสียหาย ก่อนที่คนร้ายเป็นชายอีก 2คน เอาใบการโอนเงินฉบับก๊อบปี้ที่โอนเงินในผู้เสียหายมาแสดงกับทางร้านเพื่อรับทองคำแท่งทั้งหมดไป แต่ผู้เสียหายไม่สามารถเบิกเงินจำนวนดังกล่าวได้เนื่องจากยอดเงินดังกล่าวมีเพียงตัวเลขแต่ไม่มีตัวเงิน
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อนายสมชาย นาบุญ ว่าร่วมกันลักทรัพย์ ก่อนควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บางพลี สมุทรปราการ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนเพื่อนร่วมแก๊งเจ้าหน้าที่จะได้เร่งทำการสืบสวนติดตามมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป