สองผัวเมียเจ้าของร้านขายซีดีเดินทางเข้าร้องตำรวจกองปราบฯถูกชายอ้างเป็นตำรวจทำร้าย ยัดข้อหาจำหนายซีดีลามก
วันนี้ (17 พ.ค.) ที่ กองปราบปราม เมื่อเวลา 10.30 น. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้พา นายพลากร เกษมเนตร อายุ 38 ปี และ น.ส.วรรณภา ศรีทอง อายุ 30 ปี สองสามีภรรยา เจ้าของแผงค้าที่ 123 ตลาดวงศกร โซนอี แขวงคลองถนน เขตสายไหม เข้าร้องทุกข์ต่อ ร.ต.ท.ชนะ ขำทอง พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.เพื่อขอให้ตรวจสอบกรณีถูกชายฉกรรจ์ 5 คน อ้างตัวเป็นตำรวจจับกุมนายพลากร และ น.ส.วรรณภา ที่แผงค้าดังกล่าว โดยกล่าวหาว่ามีการลักลอบจำหน่ายซีดีลามกอนาจาร แต่ไม่มีการแสดงบัตรประจำตัว นอกจากนี้ยังใช้กำลังความรุนแรงในการจับกุมใส่กุญแจมือ และต่อมาทั้งสองสามีภรรยาได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน สน.สายไหม ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา
นายพลากร กล่าวว่า เปิดแผงค้าแผ่นซีดีที่ตลาดแห่งนี้มาเป็นเวลากว่า 5 ปีแล้ว โดยมีใบอนุญาตประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์ อย่างถูกต้อง ที่ผ่านมาก็เคยมีเจ้าหน้าที่ พร้อมผู้แทนเจ้าของลิขสิทธิ์ มาขอตรวจสอบแผ่นซีดีที่แผง แต่ก็มีการแสดงตัวและพูดคุยกันด้วยดี ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เคยจำหน่ายแผ่นซีดีลามกอนาจารแต่อย่างใด มีแต่ซีดีภาพยนตร์มือสองที่มีผู้นำมาฝากขายและซีดีเพลงโคโยตี้ กระทั่งเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา ได้มีชายฉกรรจ์ 5 คน อ้างตัวเป็นตำรวจแต่งกายนอกเครื่องแบบ และไม่แสดงบัตร เข้ามาพยายามจับกุม โดยกล่าวหาว่าลักลอบจำหน่ายแผ่นซีดีลามก แม้จะพยายามชี้แจงว่าไม่มีแผ่นซีดีลามก แต่กลับถูกบีบคอ กดศีรษะ และล็อกแขนเพื่อจะใส่กุญแจมือ
นายพลากร กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุดังกล่าวกับตน ภรรยา ลูก และน้องสาวก็เข้ามาช่วย แต่กลับถูกผลัก ถูกกันตัวออกไป โดยหนึ่งในชายฉกรรจ์บอกว่า “ใครไม่เกี่ยวอย่ามายุ่ง” ซึ่งระหว่างนั้นผู้ค้าในตลาด รวมถึงลูกค้าที่เดินผ่านไปมาพบเห็นจึงถ่ายคลิปวิดีโอบันทึกภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเอาไว้ เมื่อตนดิ้นหลุดออกมาได้จึงหลบไปด้านหลัง ส่วนชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวได้หยิบเอาตะกร้าใส่แผ่นซีดีมือสองที่อยู่ประมาณ 40 แผ่นไป
นายพลากร กล่าวอีกว่า ตลอดช่วงสัปดาห์นั้นมีคนมาถามหาตนกับภรรยาตลอดเวลา ทำให้รู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าขายของ นอกจากนี้ก็มีตำรวจท้องที่ติดต่อให้เข้าไปพูดคุยกัน แต่ก็ยังไม่ได้เข้าไป ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ตนกับภรรยาก็ได้รับหมายเรียกตัวให้เข้ารับทราบข้อหา ให้เช่า แลกเปลี่ยน หรือจำหน่ายภาพยนตร์โดยไม่ผ่านการตรวจพิจารณาและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดีทัศน์ มีไว้เพื่อจำหน่ายวัตถุหรือสิ่งลามกอนาจาร และต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ โดยใช้กำลังประทุษร้าย ซึ่งออกโดยพนักงานสอบสวน สน.สายไหม โดยให้เข้าพบในวันเดียวกันนี้ แต่ได้ติดต่อขอเลื่อนนัดไปแล้ว
นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ในส่วนของการร้องทุกข์ครั้งนี้ ก็จะขอให้พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า ชายฉกรรจ์กลุ่มนี้เป็นตำรวจหรือไม่ หากเป็นตำรวจก็จะขอให้ดำเนินคดีในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือหากเป็นประชาชนไม่ใช่เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งความดำเนินคดีข้อหาปล้นทรัพย์
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป.ได้ประสานส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวน บก.ปปป.ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป