ปส.รวบแก๊งยาบ้า พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 3.2 แสนเม็ด ไอซ์ 793 กรัม สารภาพทำมาแล้ว 3 ครั้ง โดยรับคำสั่งจ้าง นช.ในเรือนจำ ได้ค่าจ้างครั้งละ 5 หมื่นบาท
เมื่อเวลา14.00 น. วันนี้ (4 พ.ค.) ที่ บช.ปส. พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ปส. แถลงผลจับกุม นายไกรวิทย์ กานดา อายุ 22 ปี นายชาติชาย บุญตา อายุ 29 ปี และนายอานันท์ ป่าสลุง อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาในคดียาเสพติด พร้อมของกลางยาบ้า 327,400 เม็ด ยาไอซ์ 793 กรัม รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีเทาหมายเลขทะเบียน ชฎ 4431 กทม รถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นแคมรี่ สีขาวหมายเลขทะเบียน กฉ 700 สุพรรณบุรี ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 11 มม. ยี่ห้อโคลท์ 1กระบอก อาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. ยี่ห้อบาเร็ตต้า รุ่นพีเอ็กโฟร์ 1 กระบอก และอาวุธปืนยาว HK33 ขนาด 5.56 จำนวน 1กระบอก พร้อมปลอกกระสุน 54 ปลอก
พล.ต.ต.สุรพล กล่าวว่า การจับกุมดังกล่าว สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ บช.ปส. สืบทราบจากสายลับว่า นายไกวิทย์ มีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติด จึงนำกำลังไปซุ่มดูพฤติกรรมที่บ้านพัก 222/106 ม. 1 ซ.9 ม.เดอะคัลเลอร์บางนา กม.10 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ จากนั้นเห็น นายไกรวิทย์ เดินหิ้วกระเป๋าออกมาจากบ้าน จึงนำกำลังเข้าขอตรวจค้นพบยาบ้าจำนวนหนึ่ง จากนั้นทำการเข้าตรวจค้นบ้านพักดังกล่าว พบของกลางยาบ้า และยาไอซ์ซุกซ่อนอยู่ในห้องอีกส่วนหนึ่ง
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายไกรวิทย์ รับสารภาพว่ากำลังจะนำยาบ้าไปส่งให้ นายชาติชาย และนายอานันท์ โดยนัดส่งยาบ้ากันที่ถนนบางนา-ตราด กม.16 จึงขยายผลและจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้เพิ่มเติม แต่ผู้ต้องหาทั้ง 2 พยายามเผารถยนต์แคมรี่ทิ้งเพื่อทำลายหลักฐาน ตรวจสอบยังพบอาวุธปืน HK33 ซึ่งถูกไฟไหม้เกรียม และอาวุธปืนอีกจำนวน 2 กระบอก พร้อมกระสุนปืนจำนวนมากถูกเผาไปด้วย
สอบสวน นายไกรวิทย์ ให้การรับสารภาพว่า ได้รับการติดต่อจากชายที่เรียกว่า “เฮีย” อยู่ในเรือนจำแห่งหนึ่ง ให้นำยาบ้าไปส่งให้แก่ลูกค้า โดยได้ค่าจ้าง 50,000บาท ซึ่งทำมาแล้ว 3 ครั้ง ส่วนนายอานันท์ และนายชาติชาย ให้การว่า พวกตนไปนำอาวุธปืนดังกล่าวมาจาก อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา จากคนชื่อ “อั้ม” เพื่อนำไปส่งที่ใดที่หนึ่งยังไม่ระบุที่แน่ชัด และกำลังรอคำสั่งอยู่ แต่ต่อมาได้ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมจับกุมจึงได้โทรศัพท์หานายอั้ม และได้รับคำสั่งให้เผาของกลางเพื่อทำลายหลักฐาน
เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหาร่วมกันมียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้า และยาไอซ์) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย และร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป