ผบก.น.1 รายงานความคืบหน้าจากกรณีสาวใหญ่วัย 37 ถูกยัดยาไอซ์ 1.3 กรัม ชี้ ตร.ไม่ได้ยัดยาไอซ์ แต่เมื่อมีการร้องเรียนมาก็พร้อมให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย คาดใช้เวลาสักระยะในการสอบสวนโดยพิจารณาจากพยานหลักฐานเพื่อหาข้อเท็จจริง จวกยับ “ตำรวจอุ้มตำรวจ-ช่วยพวกเดียวกัน” ไม่ยอมนำตัวตำรวจฉาวชุดจับกุมที่ซ้อมสาวใหญ่มาให้ผู้เสียหายชี้ตัว!!!
วันนี้ (4 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี น.ส.ยุ้ย (นามสมมติ) สาวใหญ่วัย 37 ปี ได้เข้าร้องเรียนมูลนิธิปวีณาฯ ว่าถูกตำรวจชุดสืบสวนนครบาล 1 ประมาณ 4-5 คนเข้าจับกุมตัวและจับใส่กุญแจมือนำขึ้นรถเก๋งติดฟิล์มดำไปซ้อมบังคับให้รับสารภาพในคดีจำหน่ายยาเสพติด พร้อมกับยัดยาไอซ์ จำนวน 1.3 กรัม ส่งใให้พนักงานสอบสวน สนง.ห้วยขวาง ดำเนินคดีจนต้องถูกควบนคุมตัวไว้ในเรือนนนจำเป็นเวลากว่า 2 วัน จนพี่ชายที่บวชเป็นพระภิกษุสงฆ์ต้องช่วยประกันตัวออกมา พร้อมกับพาไปแจ้งความที่ สน.ดินแดง ตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้
ล่าสุด กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 โดย พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 รายงานความคืบหน้ามายังกองบัญชาการตำรวจนครบาลว่า หลังจากสอบปากคำผู้ต้องหาที่มาร้องเรียนในเบื้องต้นแล้ว พร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทำการจับกุมผู้กระทำความผิดจริงตามแนวทางการสืบสวน ไม่ได้มีการยัดยาเสพติดตามที่มีการร้องเรียนแต่อย่างใด แต่เมื่อมีการร้องเรียนเข้ามาว่ามีการกระทำความผิดก็ต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียด และให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย คาดว่าการสอบสวนจะใช้เวลาสักระยะโดยพิจารณาจากพยานหลักฐานประกอบกัน เพื่อหาข้อเท็จจริงทางรูปคดีต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การออกมารายงานความคืบหน้าทางคดีของ ผบก.น.1 ครั้งนี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างมาก ว่าให้การช่วยเหลือพวกพ้องเดียวกัน ทั้งที่ความเป็นจริงผู้เสียหายถูกซ้อมจนร่างกายได้รับบาดเจ็บจากการจับกุมในครั้งนี้ ซึ่งมีหลักฐานภาพถ่ายอย่างชัดเจน หากให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายนจริงต้องนำตัวตำรวจชุดสืบสวนชุดดังกล่าวมาให้ผู้เสียหายชี้ตัวพร้อมกับสั่งดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้ต้องหาเช่นกัน
