กลุ่มคนรักสุนัขวอน สตช.ทบทวนแนวคิด-หยุดย้ายตูบไปค่ายกักกัน

กลุ่มคนรักสุนัขวอนผู้บริหาร สตช.ทบทวนแนวคิด หลังให้กรมปศุสัตว์วางยาสลบจับเจ้าตูบไปอยู่ค่ายกักกัน ระบุที่ผ่านมาสุนัขเหล่านี้ได้ถูกจับทำหมัน-ฉีดวัคซีนทั้งหมดแล้ว ย้ำส่งไปค่ายกักกันเท่ากับส่งไปตาย

วันนี้ (25 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่จากสมาคมป้องกันการทารุณสัตว์แห่งประเทศไทย ได้ดำเนินการวางยาสลบสุนัขที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนจับขึ้นรถไปทั้งหมด 26 ตัว รวมทั้งเจ้าดุ๊กดิ๊ก สุนัขพิการที่เคยเป็นข่าวถูกนายตำรวจทำร้าย เพื่อนำไปยังด่านกักกันสัตว์ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์ของกลุ่มคนรักสุนัขในโลกออนไลน์ เนื่องจากที่ผ่านมากลุ่มคนรักสุนัขได้จัดทำโครงการ “ทำหมัน และจัดระเบียบสังคมสุนัขจรจัดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ซึ่งสุนัขจำนวน 45 ตัว ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สำนักตำรวจแห่งชาติ ได้รับการฉีดวัคซีน ทำหมันทั้งหมดแล้ว

ด้าน น.ส.ธราพร บุญดีเจริญ ตัวแทนกลุ่มคนรักสุนัขที่เข้ามาดำเนินการทำหมัน ฉีดวัคซีน สุนัขในพื้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า เมื่อปี 2553 หลังเกิดปัญหาสุนัขในพื้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถูกวางยาเบื่อตายเป็นจำนวนมาก ตนจึงได้รับการอนุญาตจากผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในสมัยนั้นให้เข้ามาทำหมันสุนัข ซึ่งได้รับคำยืนยันว่าสุนัขเหล่านี้จะได้อาศัยอยู่จนสิ้นอายุขัย โดยที่ผ่านมาตนก็ดูแลอาหารเม็ดเดือนละ 180 กก.ทั้งนี้ ที่ทำไปทั้งหมดไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน เพียงต้องการให้สุนัขจรจัดสามารถอยู่ร่วมในสังคมได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ส่วนราชการที่มักมีสุนัขอาศัยอยู่ และเป็นการแก้ไขปัญหาสุนัขจรจัดโดยมนุษยธรรม โดยหลังทำโครงการดังกล่าว ประชากรสุนัขในพื้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไม่เพิ่มจำนวนขึ้นอีก

“ที่ผ่านมาพี่ทำด้วยความทะนุถนอม ทำมาสองปี เพราะเห็นว่ามันเป็นชีวิตหนึ่ง อยากให้ทาง สตช.ทบทวนเรื่องนี้ อยากให้หมาเหล่านี้ยังอยู่ที่เดิม เพราะทราบว่าที่ด่านกักกันสัตว์ที่เอาหมาพวกนี้ไปอยู่ สภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างยากลำบาก ส่วนใหญ่หมาที่ถูกส่งไปจะตาย เพราะตรอมใจตาย หรือไม่ก็ติดโรคระบาด การส่งไปสถานกักกันเหมือนส่งไปตาย ที่สำคัญทำให้รู้สึกว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดเท่ากับสูญเปล่า” น.ส.ธราพร กล่าว

น.ส.ธราพร กล่าวต่อไปว่า สำหรับตนเองมองว่าการย้ายสุนัขออกไปจากพื้นที่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เพราะเมื่อเอาสุนัขกลุ่มนี้ออกไป กลุ่มใหม่ก็จะเข้ามาอยู่แทนที่ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็เคยมีการจับสุนัขออกไป แต่เพียงไม่กี่เดือนก็จะมีสุนัขจากภายนอกเข้ามาอาศัยอีกอยู่ดี ซึ่งเราก็ต้องมีการจับทำหมัน หรือจัดระเบียบกันใหม่ จึงอยากให้ผู้บริหาร สตช.ทบทวนเรื่องนี้ด้วย

พ.ต.อ.รังสรรค์ วรรณศรี ผกก.3 บก.ส.3. กล่าวว่า มีการย้ายสุนัขในตร.จริง โดยบ่ายวันที่ 23 มี.ค. กรมปศุสัตว์ได้ส่งทีมสัตวแพทย์ 12 คน นำทีมโดย นสพ.ณัฎฐพัชร บุญมีเกษมสันต์ สัตวแพทย์ชำนาญงาน 7 สำนักควบคุมป้องกันและบำบัดโรคสัตว์ โดยมีการผสมยาซึมในอาหารให้สุนัขกินก่อนขนย้าย เพื่อสะดวกและลดการต่อต้านเพราะต้องย้ายไปไกลป้องกันไม่ให้สุนัขอ่อนเพลีย เพราะจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของสุนัข จากการสำรวจมีสุนัขใน ตร. 48 ตัว ครั้งนี้ย้ายไป 26 ตัว โดยขนย้ายไปที่ด่านกักกันสัตว์ทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ ก่อนทำการย้ายได้ออกแบบสอบถาม 200 ชุด ให้ข้าราชการตำรวจ ลูกจ้าง และบุคคลที่เข้ามาติดต่อราชการที่ ตร.ผลสำรวจ 85 % เห็นเหมาะสมย้ายสุนัขเข้าไปอยู่ในความดูแลของกรมปศุสัตว์ก่อนขนย้ายมีการบันทึกภาพทุกตัว โดยทางด่านจะออกใบรายงานผลให้ว่ารับสุนัขจาก ตร.มากี่ตัว หน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง สามารถตรวจสอบได้อย่างชัดเจน จากการสอบถามทีมขนย้ายสุนัขได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมว่า ได้ไปขนย้ายสุนัขในลักษณะเช่นเดียวกับ ตร. ที่ กระทรวงเกษตรฯ เมื่อปีที่แล้ว ที่ บน.6 กองทัพอากาศ เมื่อสัปดาห์ก่อน หรือแม้แต่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิก็มีการร้องขอมา ทั้งนี้ เมื่อนำสุนัขไปส่ง มีสัตวแพทย์ลงบันทึกรับตรวจสุขภาพ พบว่าสุนัขในตร.หลายตัว เป็นโรคผิวหนัง เรื้อน เห็บ หมัด พยาธิ และไม่เคยรับการฉีดวัคซีน แพทย์จึงดำเนินการฉีดวัคซีนรักษา อย่างไรก็ตามการนำสุนัขไปด่านกักกันเป็นภาระค่าใช้จ่ายต้องดูแล จึงนำตู้รับบริจาค 2 ตู้ วางที่อาคาร 1 ตร และที่ โภชนาคาร ตร.ชั้น 2 เพื่อนำไปซื้ออาหารให้สุนัขที่ตร.ย้ายไป

ด้าน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ตอบคำถามของสื่อมวลชนถึงเรื่องการจัดระเบียบสุนัขดังกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ตนไม่ได้เป็นคนสั่งการแต่อย่างใด และก็ไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ด้วย

ขณะที่ข้าราชการตำรวจนายหนึ่ง กล่าวว่า ตนทำงานอยู่ที่นี่กว่า 7 ปี ที่ผ่านมาก็เห็นสุนัขอาศัยอยู่ที่นี่โดยตลอด แม้ในมุมมองของบางคน อาจจะดูว่าการมีสุนัขอาศัยอยู่ในสถานที่ราชการอาจจะดูไม่เรียบร้อย แต่เท่าที่ทราบสุนัขที่นี่ไม่เคยสร้างความเดือดร้อน ขณะเดียวกันเห็นว่ามีคนภายนอกมาฉีดวัคซีนและทำหมันให้ก็เป็นเรื่องที่ดี สำหรับตนเองการมีสุนัขอยู่ก็ไม่เห็นว่ามีปัญหาอะไร ทั้งนี้ อดีต ผบ.ตร.ท่านหนึ่งก็เคยสั่งให้ กทม.มาจับสุนัขไปทั้งหมด หลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน ก็มีสุนัขมาอาศัยอยู่อีกเหมือนเดิม