บช.น.แถลงผลจับกุมมือปืนบุกเดี่ยวตระเวนก่อเหตุชิงทรัพย์ปั๊มน้ำมันและธนาคารกรุงเทพย่านฝั่งธนบุรี ก่อนหลบหนีไปเปิดห้องพักย่านรามคำแหง สารภาพนำเงินไปเที่ยวเตร่ พบประวัติเพิ่งออกจากคุกมาเมื่อปีกลาย ไม่มีงานทำจึงก่อเหตุซ้ำอีก
วันนี้ (11 มี.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชาญ วิมลศรี ผบก.น.7 พ.ต.อ.เมธี รักษ์พันธ์ ผกก.สส.บก.น.7 ร่วมกันแถลงจับกุม นายอนุสรณ์ หรือนุ บุญเติม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 816 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 57 แขวงบางบำหรุ เขตบางพลัด พร้อมของกลางเป็นเสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ ปืนลูกซองสั้นพร้อมกระสุน 2 นัด และจักรยานยนต์ยามาฮ่า ทีทีเอ็กซ์ ทะเบียน อพต 138 กรุงเทพมหานคร จับกุมได้ที่ซอยรามคำแหง 50 และขยายผลไปตรวจค้นห้องพักเลขที่ 702 ชั้น 7 อัจฉราอพาร์ตเมนต์ ตั้งอยู่ตรงข้ามซอยรามคำแหง 50 โดยผู้ต้องหาได้เปิดไว้เป็นที่พักหลังก่อเหตุ
สืบเนื่องจากตั้งแต่ช่วงต้นเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ในพื้นที่ บก.น.7 หลายคดี โดยเมื่อวันที่ 5 ก.พ.คนร้ายได้เข้าไปจี้ชิงทรัพย์ทันตแพทย์หญิงภายในร้านทำฟันชื่อสมาย เด็นทัล คลินิก ถนนราชพฤกษ์ แขวงและเขตตลิ่งชัน แต่ไม่ได้ทรัพย์สิน จากนั้นวันเดียวกันเวลา 23.00 น.คนร้ายได้ไปชิงทรัพย์ในปั๊มน้ำมันบางจาก ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย ได้เงินสดไป 20,000 บาท และวันที่ 7 ก.พ.บุกชิงทรัพย์ธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาเทสโก้โลตัส บางพลัด ถนนจรัญสนิทวงศ์ ได้เงินสดไปอีก 90,000 บาท
พล.ต.ต.ปริญญากล่าวว่า หลังเกิดเหตุชุดสืบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในจุดเกิดเหตุและใกล้เคียงจนทราบรูปพรรณสัณฐานของคนร้ายและขออนุมัติหมายจับ ก่อนจะติดตามตัวจับกุมไว้ได้พร้อมของกลาง ขณะหลบหนีไปเปิดห้องเช่ากบดานอยู่ที่ย่านรามคำแหง 50 และขยายผลไปตรวจค้นห้องพักเลขที่ 702 ชั้น 7 ของอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วย จากการตรวจสอบประวัติพบว่าก่อนหน้านี้เคยก่อเหตุชิงทรัพย์คลินิกทำฟันร้านหินแกรนิต ที่ย่านบางพลัด 2 ครั้ง และที่ร้านสปาย่านทองหล่อ 1 ครั้งเมื่อปี 2551 ก่อนถูกจับกุมและจำคุก 4 ปี พอพ้นโทษออกมาเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้วก็หวนมาก่อเหตุอีก
สอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า หลังพ้นโทษออกมาได้ไปสมัครงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านอาหารอิตาเลียนแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ แต่ถูกไล่ออกเนื่องจากโดนจับได้ว่าแอบขโมยไวน์ของร้าน หลังจากตกงานก็ไม่มีเงินใช้จึงตัดสินใจซื้อปืนมาจากเพื่อนราคา 7,000 บาท จากนั้นก็ไปขอยืมจักรยานยนต์จากเพื่อนอีกคนหนึ่งก่อนจะลงมือก่อเหตุ ส่วนภาพวงจรปิดที่เห็นว่าใส่ตุ้มหูข้างซ้ายและสวมรองเท้ายี่ห้อโอนิซึกะที่เป็นหลักฐานสำคัญในการติดตามตัวนั้น เพราะก่อนหน้านี้เคยระเบิดหูเอาไว้ ส่วนรองเท้ายี่ห้อดังกล่าวชื่นชอบเป็นการส่วนตัว ไม่ว่าจะก่อเหตุหรือไปเที่ยวจะใส่คู่นี้ทุกครั้ง ยอมรับว่าก่อนลงมือจะไปดูลาดเลาก่อน เมื่อเห็นว่าสถานที่ค่อนข้างเปลี่ยวก็จะลงมือ แต่ไม่เคยคิดทำร้ายใคร เมื่อก่อเหตุเสร็จแล้วก็จะไปเปิดห้องเช่าที่ย่านรามคำแหง โดยนำอาวุธปืนไปซ่อนไว้ในคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศ ส่วนเงินที่ได้มาก็นำไปเที่ยวเตร่รวมถึงใช้จ่ายทั่วไป กระทั่งมาถูกจับกุม