ชายนิรนามถูกรถชนเสียชีวิต บนถนนรัชดา-ท่าพระ และถูกรถลากไปไกลกว่า 300 เมตร ตรวจสอบไม่พบเอกสารใดๆ ติดตัว ซึ่งตำรวจจะสืบสวนเพื่อให้ทราบว่าผู้ตายเป็นใคร เพื่อติดต่อญาติมารับศพ ขณะคนขับรถพุ่งชน ยืนรอให้การกับตำรวจ อ้างเบรกไม่ทัน และผู้ตายถูกรถบรรทุกชนก่อนแล้ว
วันนี้ (10 มี.ค.) เมื่อเวลา 00.01 น. พ.ต.ท.วัฒนากร อู่นาท พนักงานสอบสวน สน.บุคคโล รับแจ้งเหตุมีคนถูกรถชนเสียชีวิต บริเวณปากซอยรัชดาภิเษก 9 ถนนรัชดา-ท่าพระ แขวงบุคคโล เขตธนบุรี กทม.จึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุรเดช เด่นธรรม รอง ผบก.น.8 พ.ต.ท.ปิโยรส กัณหะสิริ รอง ผกก.สส.สน.บุคคโล แพทย์นิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นถนนขนาดใหญ่ 4 ช่องทางจราจร โดยบริเวณช่องทางจราจรที่ 2 จากซ้าย พบศพชายไม่ทราบชื่อ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีส้ม กางเกงขาสั้นลายพราง สภาพศพศีรษะแตกสมองกระจาย จนจำใบหน้าไม่ได้ ตามร่างกายมีการหักผิดรูป มีรอยถลอกจากการถูกลาก ไปไกลประมาณ 300 เมตร จากการตรวจสอบภายในตัวไม่พบเอกสารแต่อย่างใด ใกล้กันพบรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ฆฬ 8695 กรุงเทพมหานคร ที่กันชนด้านหน้าหลุดเสียหาย ใต้ท้องรถพบเศษสมองติดอยู่ และพบรถแท็กซี่โตโยต้า อัลติส สีฟ้า ทะเบียน ทย 2403 กรุงเทพมหานคร อยู่ในสภาพกันชนหน้าเสียหายเช่นกัน โดยมี นายวรพัฒน์ ผลเจริญสุข อายุ 28 ปี คนขับรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซ นายอดุลย์ เทียนสันเทียะ อายุ 43 ปี คนขับรถแท็กซี่โตโยต้า ยืนรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงนำตัวคนขับรถทั้งสองไปสอบสวนที่สถานีตำรวจ พร้อมนำศพผู้ตายไปชันสูตรยังสถาบันนิติเวช รพ.จุฬาลงกรณ์
จากการสอบสวน นายวรพัฒน์ คนขับรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถลงมาจากสะพานพระราม 3 ทันใดนั้นพบผู้ตายนอนอยู่ช่องทางที่ 2 จากซ้าย จึงเบรกกะทันหัน แต่ไม่ทันการณ์จึงพุ่งชนผู้ตายเข้าอย่างจัง ด้วยความเร็วของรถจึงลากศพไปได้ระยะหนึ่งก่อนจอดรถลงมาดูด้วยความตกใจ โดยทราบว่าก่อนหน้านี้รถบรรทุกได้ขับชนผู้ตายไปก่อนแล้ว
ขณะที่ นายอดุลย์ โชเฟอร์รถแท็กซี่ยี่ห้อ โตโยต้า ให้การว่า ตนได้ขับรถลงมาจากสะพานพระราม 3 เช่นกัน เห็นรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซ เปิดไฟกะพริบจอดอยู่กลางถนน ระหว่างนั้นตนเห็นผู้ตายนอนอยู่ใกล้รถคันดังกล่าว แต่เนื่องจากมาด้วยความเร็วจึงเบรกไม่ทัน ทำให้ลากศพของผู้ตายมาจนถึงบริเวณปากซอยรัชดา-ท่าพระ 9 ซึ่งเป็นจุดพบศพ
ด้าน พ.ต.ท.วัฒนากร เปิดเผยว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบใต้ท้องรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซคันดังกล่าว พบเศษสมองของผู้ตายติดอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งคาดว่ารถยนต์ฮอนด้าแจ๊ซจะเป็นฝ่ายชนผู้ตายก่อน ส่วนรถแท็กซี่ที่ขับตามมาเบรกไม่ทัน จึงชนและลากศพมาเป็นระยะทางไกล ส่วนคำให้การของนายวรพัฒน์ ว่ามีรถบรรทุกขับมาชนก่อนนั้น ต้องทำการสอบปากคำพยานแวดล้อมในที่เกิดเหตุ รวมทั้งผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์เพื่อสรุปสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้ง ส่วนผู้ตายขณะนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เนื่องจากไม่มีเอกสารติดตัวแต่อย่างใด และจะต้องสืบสวนหาว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร เพื่อติดต่อทางญาติให้ทราบและรับศพบำเพ็ญกุศลต่อไป