ผบ.ตร. แถลงสตช.เตรียมส่งตำรวจลงใต้ทดแทนกำลังทหารหากสถานการณ์ภาคใต้ดีขึ้น
เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 27 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่จะมีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ระบุถึงสถานการณ์ในภาคใต้มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ทหารอาจจะมีการถอดกำลังออกจากพื้นที่ว่า กรณีดังกล่าวเป็นขั้นตอนต่อไป เป็นไปตามแผนที่ทางกอรมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้วางไว้อยู่แล้ว คงต้องใช้เวลาสักระยะในการดำเนินการ ซึ่งในอนาคตทหารจะมีการปรับกำลังให้น้อยลง และมีกำลังตำรวจเข้าไปเพิ่มเติมมากขึ้น เช่นในปีนี้ตนได้ส่งกำลังเพิ่มเติมในเดือนพฤษภาคมจำนวน 3,000 กว่านาย อยู่ที่โรงพักประมาณ 1,000 กว่านาย ไปอยู่เป็นหน่วยแบบทหารอีกประมาณ 38 หน่วย อย่างไรก็ตาม คงจะยังไม่ได้ดำเนินการเร็วๆ นี้ ต้องใช้เวลาให้เป็นตามขั้นตอนที่กำหนดต่อไป
เมื่อถามว่าจะใช้เกณฑ์วัดอย่างไรว่าสถานการณ์ในภาคใต้ดีขึ้นนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า 1.ดูความรุนแรงที่เกิดขึ้น 2.ดูเกี่ยวกับทางด้านมวลชน การยอมรับของประชาชน การใช้ชีวิตปกติมากยิ่งขึ้น มีการพัฒนามาขึ้นต่างๆ เหล่านี้ คงต้องใช้เวลา ซึ่งจริงๆ แล้วต้องเข้าใจด้วยว่าเหตุการณ์ในภาคใต้เกิดขึ้นมานานแล้ว และเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ ถ้าเปรียบเทียบก่อนหน้านี้แล้ว มีความรุนแรงมากกว่า แต่ว่าเหตุการณ์ยังคงอยู่ เนื่องจากว่าผู้ปฏิบัติงานมียุทธวิธีที่จะสร้างให้เห็นว่าเขาทำการปฏิบัติการได้ อย่างการเข้าตีเป็นจุดที่สำคัญ ไม่ก็การที่ยิงต่อสู้เพื่อให้เห็นภาพของการเกิดเหตุเป็นช่วงๆ อย่างไรก็ตาม จะมีการเตรียมความพร้อมต่อไปในอนาคตที่ต้องใช้เวลาสักระยะและเรียนรู้ไป
เมื่อถามถึงกรณีจะเดินทางไปประเทศมาเลเซียพร้อมกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ จะมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับของขบวนการพูโลหรือไม่ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า คงจะเป็นเรื่องของรัฐบาล ยังไม่ทราบว่าจะมีการพูดคุยกันเรื่องดังกล่าวหรือไม่
เมื่อเวลา 11.45 น. วันที่ 27 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. พร้อมด้วยพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผบ.ตร. และพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่จะมีกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า) ระบุถึงสถานการณ์ในภาคใต้มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ทหารอาจจะมีการถอดกำลังออกจากพื้นที่ว่า กรณีดังกล่าวเป็นขั้นตอนต่อไป เป็นไปตามแผนที่ทางกอรมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้วางไว้อยู่แล้ว คงต้องใช้เวลาสักระยะในการดำเนินการ ซึ่งในอนาคตทหารจะมีการปรับกำลังให้น้อยลง และมีกำลังตำรวจเข้าไปเพิ่มเติมมากขึ้น เช่นในปีนี้ตนได้ส่งกำลังเพิ่มเติมในเดือนพฤษภาคมจำนวน 3,000 กว่านาย อยู่ที่โรงพักประมาณ 1,000 กว่านาย ไปอยู่เป็นหน่วยแบบทหารอีกประมาณ 38 หน่วย อย่างไรก็ตาม คงจะยังไม่ได้ดำเนินการเร็วๆ นี้ ต้องใช้เวลาให้เป็นตามขั้นตอนที่กำหนดต่อไป
เมื่อถามว่าจะใช้เกณฑ์วัดอย่างไรว่าสถานการณ์ในภาคใต้ดีขึ้นนั้น พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า 1.ดูความรุนแรงที่เกิดขึ้น 2.ดูเกี่ยวกับทางด้านมวลชน การยอมรับของประชาชน การใช้ชีวิตปกติมากยิ่งขึ้น มีการพัฒนามาขึ้นต่างๆ เหล่านี้ คงต้องใช้เวลา ซึ่งจริงๆ แล้วต้องเข้าใจด้วยว่าเหตุการณ์ในภาคใต้เกิดขึ้นมานานแล้ว และเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ ถ้าเปรียบเทียบก่อนหน้านี้แล้ว มีความรุนแรงมากกว่า แต่ว่าเหตุการณ์ยังคงอยู่ เนื่องจากว่าผู้ปฏิบัติงานมียุทธวิธีที่จะสร้างให้เห็นว่าเขาทำการปฏิบัติการได้ อย่างการเข้าตีเป็นจุดที่สำคัญ ไม่ก็การที่ยิงต่อสู้เพื่อให้เห็นภาพของการเกิดเหตุเป็นช่วงๆ อย่างไรก็ตาม จะมีการเตรียมความพร้อมต่อไปในอนาคตที่ต้องใช้เวลาสักระยะและเรียนรู้ไป
เมื่อถามถึงกรณีจะเดินทางไปประเทศมาเลเซียพร้อมกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันที่ 28 ก.พ.นี้ จะมีการพูดคุยกันเกี่ยวกับของขบวนการพูโลหรือไม่ พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า คงจะเป็นเรื่องของรัฐบาล ยังไม่ทราบว่าจะมีการพูดคุยกันเรื่องดังกล่าวหรือไม่