xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าของรถปูนให้ค่าทำศพสองแม่ลูกถูกทับดับหน้าเดอะมอลล์ท่าพระ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

รถพ่วงบรรทุกปูน ยี่ห้อฮีโน่ ทะเบียนป้ายเหลือง 60-6700 กรุงเทพมหานคร ของบริษัทนั่มเฮงกรุ๊ป
ตร.เช็กกล้องวงจรปิดคดีรถพ่วงบรรทุกปูนทับแม่ลูกดับหน้าเดอะมอลล์ท่าพระ เผยยังไม่แจ้งข้อหากับใคร ระบุผู้ตายขี่ จยย.พยายามเร่งเครื่องแซง แต่ จยย.พลิกคว่ำมุดเข้าไปใต้ท้องรถจนถูกทับดับอนาถพร้อมลูกวัยขวบเศษ ด้านเจ้าของรถพ่วงขอช่วยค่าทำศพและให้ประกันภัยชดเชยค่าเสียหาย

วันนี้ (17 ก.พ.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่ สน.บุคคโล พ.ต.ท.นิโรธ ปทุมแก้ว พนักงานสอบสวน สน.บุคคโล เปิดเผยความคืบหน้ากรณี น.ส.ชุติกานต์ ดีอ่อน อายุ 36 ปี ถูกรถพ่วงบรรทุกปูนยี่ห้อฮีโน่ ป้ายเหลือง 60-6700 กทม. ของบริษัท นั่มเฮงกรุ๊ป ทับเสียชีวิตพร้อมลูกสาววัย 1 ขวบเศษ ที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ สาขาท่าพระ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ได้นำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดซึ่งติดตั้งอยู่มุมสูงบนสะพานลอยด้านหน้าห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ ท่าพระ มาตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พบว่าก่อนเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาที่การจราจรด้านหน้าห้างสรรพสินค้าดังกล่าวมีรถเต็มทุกช่องทางและติดขัดมากเคลื่อนตัวช้า กระทั่งพบภาพรถบรรทุกปูนคันดังกล่าวแล่นช้าๆ จากแยกรัชดา-ตลาดพลู มาทางหน้าห้างฯ โดยโชเฟอร์ใช้เส้นทางช่องทางเดินรถที่ 2 เนื่องจากช่องทางเดินรถที่ 1 ทางซ้ายสุดมีรถเก๋งหลายคันกำลังต่อคิวเลี้ยวซ้ายเข้าห้างฯ อย่างแออัด โดยจังหวะที่รถบนถนนทั้ง 4 ช่องทางกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้านั้น ปรากฏภาพจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก ซึ่งมี น.ส.ชุติกานต์เป็นผู้ขับขี่ พา ด.ญ.ชีส ลูกสาวคนโตซ้อนท้าย และนำ ด.ญ.ซู ลูกสาวคนเล็กนั่งหนีบมาด้วยทางด้านหน้าของจักรยานยนต์ โดยใช้เชือกผูกเอวลูกกับแม่ติดเอาไว้เพื่อป้องกันเด็กตกหล่น

จากนั้น น.ส.ชุติกานต์ได้ขับขี่ทับเส้นแบ่งช่องทางการจราจร (เส้นประ) ระหว่างช่องทางเดินรถที่ 1 และช่องทางเดินรถที่ 2 โดยพยายามเร่งเครื่องแซงรถบรรทุกปูนและรถเก๋งสีบรอนซ์เทาของลูกค้าที่มาเที่ยวห้างเดอะมอลล์ และกำลังเคลื่อนตัวเข้าไปในลานจอดรถของห้าง อีกทั้งยังจับภาพ น.ส.ชุติกานต์ขับขี่รถด้วยความยากลำบากมีอาการส่ายไปมา ประกอบกับพยายามเร่งเครื่องเดินหน้าแต่ไปเจอกรวยยางกั้นตรงทางเข้าห้างทำให้รถเสียหลักพลิกคว่ำ มุดเข้าไปใต้ท้องรถบรรทุกปูนถูกล้อหลังด้านซ้ายของตัวพ่วง ทับจนเสียชีวิตในสภาพน่าเวทนา

พ.ต.ท.นิโรธกล่าวอีกว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและมีการสูญเสีย ไม่จำเป็นว่ารถที่เล็กกว่าจะได้เปรียบ หรือรถใหญ่กว่าจะต้องมีความผิดเสมอทุกครั้งเหมือนอย่างที่คนทั่วไปเข้าใจ เพราะกรณีนี้มีหลักฐานเป็นภาพชัดเจนว่าผู้ขับขี่จักรยานยนต์ขับรถทับเส้นแบ่งการจราจร และพยายามเร่งเครื่องแซงขึ้นระหว่างกลางทั้งที่มีรถบรรทุกปูนและรถเก๋งขนาบอยู่ทั้งสองข้าง ประกอบกับผู้ขับขี่ใช้เชือกรัดเอวตัวเองติดอยู่กับบุตรสาวคนเล็กทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลง สังเกตได้จากอาการส่ายไปมาของรถที่เริ่มมีขึ้นตั้งแต่ยังไม่เร่งเครื่องขึ้นแทรกกลางระหว่างรถทั้งสองคันแล้ว

“หากผู้เสียชีวิตใจเย็นกว่านี้ ขับตามท้ายรถคันอื่นไปเรื่อยๆ ก็จะไม่ต้องสูญเสีย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อหาดำเนินคดีต่อใครเนื่องจากยังเป็นช่วงที่วุ่นวายอยู่ จึงต้องรอให้เสร็จสิ้นพิธีฌาปนกิจ จึงจะนัดทั้งสองฝ่ายมาให้ปากคำอีกครั้ง หลังจากนี้จะนำหลักฐานที่มีทั้งหมดเสนอผู้บังคับบัญชาเพื่อพิจารณาเสียก่อน ทั้งนี้ ทางฝ่ายของรถบรรทุกปูนได้ติดต่อเข้ามาขอช่วยเหลือค่าทำศพตามหลักมนุษยธรรมและติดต่อบริษัทประกันภัยเข้ามาเยียวยาแล้ว” พ.ต.ท.นิโรธระบุ

รายงานข่าวแจ้งว่า ในส่วนของญาติผู้เสียชีวิตนั้นได้ติดต่อขอเอกสารไปรับศพที่ นิติเวช รพ.จุฬาฯ เพื่อจะนำร่างของแม่และลูกไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหิรัญรูจีวรวิหาร ถนนอินทรพิทักษ์ ย่านวงเวียนใหญ่ต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น