โจรงัดตู้เซฟบ้านพักย่านพระราม 9 กวาดเงินสด สร้อยคอทองคำพร้อมพระเครื่องกว่า 1 ล้านบาท เจ้าของบ้านระบุก่อนเกิดเหตุหลานชายพาเพื่อนเข้ามาในบ้าน คาดว่าอาจจะฉวยโอกาสเอาทรัพย์สินไป จี้ตำรวจตามตัวมาสอบสวนหาตัวคนร้ายต่อไป
วันนี้ (17 ก.พ.) เมื่อเวลา 01.00 น. ร.ต.ท.พรปรีชา ไชยกาล พนักงานสอบสวน สน.มักกะสัน รับแจ้งเหตุคนร้ายเข้าไปงัดตู้เซฟภายในบ้านเลขที่ 56 ถนนพระราม 9 ซอย 2 แขวงและเขตห้วยขวาง กทม. กวาดทรัพย์สินไปจำนวนหลายรายการ มูลค่ากว่า 1 ล้านบาท จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบแล้วไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักจำนวน 3 หลัง ปลูกอยู่ในพื้นที่เดียวกัน คือบ้านเลขที่ 56-58-60 โดยบ้านเลขที่ 56 หลังที่เกิดเหตุนั้นอยู่ตรงกลาง ลักษณะเป็นบ้านพัก 2 ชั้น เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในห้องพักด้านล่าง ซึ่งเป็นห้องของนางสายหยุด เอี่ยมจำรัส อายุ 77 ปี ผู้เสียหาย พบว่าตู้เซฟขนาด 60 x 60 x 100 เซนติเมตร ถูกคนร้ายพลิกให้ด้านหน้าหงายขึ้น แล้วใช้ชะแลงและค้อนปอนด์งัดจนเกิดเป็นช่องกว้างเพื่อที่จะใช้มือล้วงหยิบทรัพย์สินภายในตู้เซพ ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบอย่างละเอียดและเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายในที่เกิดเหตุ เพื่อนำไปตรวจสอบหาตัวคนร้ายต่อไป
จากการสอบสวนนางสายหยุด เจ้าของบ้านให้การว่า ตนพักอาศัยอยู่กับน้องชายที่บ้านหลังดังกล่าวเพียง 2 คน ส่วนใหญ่จะมีหลานชายแวะเวียนมาพักอาศัยบ้างเป็นครั้งคราว โดยล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 16 ก.พ. นายไตรภาค เอี่ยมจำรัส อายุ 37 ปี หลานชายได้พาเพื่อนมานั่งเล่นคุยกันอยู่ภายในบ้าน ก่อนจะกลับออกไปตอนไหนไม่ทราบ กระทั่งช่วงเช้าเวลาประมาณ 09.00 น.ตนได้ออกจากบ้านเพื่อไปร่วมงานศพเจ้าอาวาสวัดอุทัยธาราม ก่อนเดินทางกลับมาในช่วงเย็นเวลาประมาณ 18.00 น. เมื่อกลับมาน้องชายตนก็ยังนอนหลับพักผ่อนอยู่บนชั้น 2 ของบ้าน
นางสายหยุดให้การต่อว่า เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ทำธุระส่วนตัว ขณะกำลังจะเข้านอน เวลา 21.00 น.ก็ได้เปิดประตูห้องพักที่อยู่ชั้นล่างดังกล่าว แต่ปรากฏว่าห้องถูกล็อกไว้ ซึ่งโดยปกติตนจะไม่ล็อก และเมื่อนำกุญแจมาไขเปิดประตูเข้ามาก็พบว่าตู้เซฟที่ตนเก็บทรัพย์สินไว้มีร่องรอยถูกคนร้ายงัดได้ทรัพย์สินประกอบด้วย เงินสด 140,000 บาท สร้อยทองหนัก 3 บาท พร้อมพระเครื่องหลวงพ่อโสธรเลี่ยมเพชร 1 องค์, สร้อยคอหนัก 3 บาทพร้อมพระเครื่องหลวงพ่อทอง วัดบางกะปิ 1 องค์, แหวนเพชร 3 วง, สร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท, สร้อยข้อมือหนัก 2 บาท, กำไลข้อเท้าทองคำหนัก 2 บาท, กำไลนาคหนัก 1 บาท, พระเครื่อง 3 องค์ และเหรียญ ร.9 อีก 2 เหรียญ รวมทรัพย์สินทั้งหมดที่คนร้ายได้ไปประมาณ 1 ล้านบาท
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัตินายไตรภาคเบื้องต้นเคยถูกดำเนินคดีในข้อหาอนาจารในท้องที่ สน.ห้วยขวาง เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ปัจจุบันไม่มีอาชีพการงานทำประจำเป็นหลักแหล่ง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวคนภายในบ้านทั้งหมดมาให้ปากคำ พร้อมเก็บลายนิ้วมือคนร้ายไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งนางสายหยุดสงสัยว่านายไตรภาคหลานชายจะเป็นคนร้ายที่พาพรรคพวกมาร่วมกันเอาทรัพย์สินไป และจะติดตามตัวหลานชายเจ้าของบ้านมาสอบปากคำต่อไป