รวบแก๊งสังหารโหดหนุ่มคาร์แคร์

ผบช.น.แถลงข่าวผลงาน สน.โชคชัย จับกุม 2 ผู้ต้องหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนตามหมายจับ หลังก่อคดีสังหารโหดหนุ่มคาร์แคร์แล้วหลบหนีคดีออกนอกพื้นที่
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.วรัญวัส การุณยธัช พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.ชูตระกูล ยศมาดี ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.อ.สง่า กรรภิรมย์ ผกก.สส.บก.น.4 และ พ.ต.อ.ธนวัตร วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย แถลงข่าวการจับกุมตัว นายอภิสิทธิ์ หรือต้อม ประชุมรักษ์ อายุ 20 ปี นายพชร หรือ เนส ศรีวิเชียร อายุ 27 ปี และ นายภาคีระ หรือ กลิ้ง รองเมือง อายุ 27 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 273-275/2556 ลงวันที่ 15 ก.พ.ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน โดยมีและใช้อาวุธปืน จับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมดได้ที่จังหวัดสมุทรปราการ พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง รองเท้าผ้าใบ ยี่ห้ออาดิดาส ที่ นายภาคี ใส่ในวันก่อเหตุ อาวุธปืนลูกโม่ขนาด.357 จำนวน 1 กระบอก และรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า คลิก หมายเลขทะเบียน วลก 211 กรุงเทพมหานคร สีน้ำเงิน-ดำ 1 คัน

พ.ต.อ.ชยานนท์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 05.30 น. เกิดเหตุคนร้าย 2 คน ใช้อาวุธปืนลอบสังหาร นายอุกฤษณ์ วงศ์สิงห์ อายุ 32 ปี เสียชีวิตภายในรถเก๋งโตโยต้า เอสติมา หมายเลขทะเบียน ฆฉ 5961 กรุงเทพมหานคร บริเวณจุดกลับรถปากซอยลาดพร้าว 80 ถนนลาดพร้าว แขวงและเขตลาดพร้าว ท้องที่ สน.โชคชัย ซึ่งผู้ตายประกอบธุรกิจร้านคาร์แคร์ และร้านสัก อยู่ที่ย่านโชคชัย จนสืบสวนทราบว่าคนร้ายคือนายอภิสิทธิ์ นายพชร และ นายภาคีระ โดยวันเกิดขณะที่ผู้ตายขับรถมาถึงจุดเกิดเหตุ นายอภิสิทธิ์ได้ทำหน้าที่ชี้เป้าให้นายภาคีระ ซึ่งขี่รถ จยย.จอดรออยู่ใช้อาวุธปืนขนาด.357 ยิงผู้ตาย จากนั้นนายพชรซึ่งเป็นคนซ้อนท้ายยังใช้อาวุธปืนขนาด.32 ยิงใส่ผู้ตายซ้ำอีก ก่อนจะพากันหลบหนีไปกบดานที่จังหวัดสมุทรปราการ

จากการสอบสวนนายภาคีระ ให้การรับสารภาพว่า สาเหตุที่ลงมือสังหารเกิดจากความขัดแย้งเรื่องเงิน ซึ่งผู้ตายและผู้จ้างวานได้ร่วมกันทำเป็นธุรกิจผิดกฎหมาย โดยผู้ตายติดหนี้อยู่จำนวน 5 ล้านบาท ได้รับการว่าจ้างจากนายสมประสงค์ หรือ ตั้ม สิทธิโกมินทร์ ให้สังหารผู้ตายในราคา 100,000 บาท ซึ่งขณะนี้นายสมประสงค์ ยังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ สน.โชคชัย และศาลอาญาได้อนุมัติหมายจับที่ 276/2556 ลงวันที่ 15 ก.พ.เพื่อติดตามจับกุมตัวแล้ว

นอกจากนี้หลังเกิดเหตุนายภาคีระได้นำรถ จยย.ที่ใช้เป็นพาหนะในการก่อเหตุ ซึ่งจากเดิมสีขาว ไปเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน-ดำ และเปลี่ยนวงล้อจากสีดำเป็นสีทอง โดยใช้วิธีการพ่นทราย จากการตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหา พบว่า นายภาคีระเคยถูกจับกุมในข้อหายาเสพติด ท้องที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 15 มี.ค.2555 ส่วนนายพชร เคยถูกจับกุมในข้อหาครอบครองยาเสพติดท้องที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2553 ทำให้รู้จักกันในเรือนจำ เมื่อพ้นโทษออกมาจึงร่วมกันรับงานก่อเหตุดังกล่าว เบื้องต้นหลังเกิดเหตุชุดสืบสวนคาดว่ากลุ่มคนร้ายและผู้ตายน่าจะเชื่อมโยงกับ “แก๊งลายพราง” ซึ่งเป็นแก๊งค้ายาเสพติดรายใหญ่ แต่เมื่อรวบรวมพยานหลักฐานจนชัดเจนแล้วปรากฏว่าไม่ใช่

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะส่งตัวผู้ต้องหาไปดำเนินคดีที่ สน.โชคชัย พร้อมทั้งเร่งติดตามจับกุมตัวนายสมประสงค์ ผู้จ้างวานมาดำเนินคดีต่อไป