ศาลนัดไต่สวนพยาน ชันสูตร “พลทหารณรงค์ฤทธิ์” ถูกยิงตายหน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ช่วงชุมนุมเสื้ิอแดงปี 53 พยานซึ่งถูกยิงบาดเจ็บด้วยไม่เห็นเหตุการณ์พลทหารโดนยิง และไม่ขอเอาเรื่องผู้ยิงทั้งทางแพ่งและอาญา พอใจได้รับเงินเยียวยารายละ 7 แสนบาทจากยุครัฐบาลอภิสิทธิ์
วันนี้ (15 ก.พ.) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ห้องพิจารณาคดี 811 ศาลนัดไต่สวนพยานโจทก์คดีหมายเลขดำ อช.4/2555 ที่พนักงานอัยการ ฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นคำร้องให้ไต่สวนชันสูตรการเสียชีวิตของพลทหารณรงค์ฤทธิ์ สาละ สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กองพลทหารราบที่ 9 จ.กาญจนบุรี ผู้ตาย เพื่อให้ศาลทำคำสั่งแสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด รวมถึงสาเหตุและพฤติการณ์การตาย
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 จากเหตุการณ์ที่ผู้ตายถูกยิงเสียชีวิต ขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ชุดลาดตระเวนเคลื่อนที่เร็ว เพื่อระงับเหตุการณ์การปะทะกันของเจ้าหน้าที่ทหาร-ตำรวจกับกลุ่มคนเสื้อแดง ที่อนุสรณ์สถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2553 โดยช่วงเช้าวันนี้พนักงานอัยการได้นำพยานเข้าเบิกความ 2 ปาก คือ นายพร้อม ดาทอง อายุ 31 ปี และนายวิชา วังตาล อายุ 62 ปี
นายพร้อมเบิกความสรุปว่า วันที่ 28 เม.ย. 2553 เวลาประมาณ 11.00 น.ได้เดินทางไปสนามกีฬาธูปะเตมีย์ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อดูสนามสอบทหารชั้นสัญญาบัตรที่จัดสอบวันที่ 29 เม.ย. 2553 เสร็จสิ้นได้ขี่จักรยานยนต์กลับบ้านโดยใช้เส้นทางถนนวิภาวดีรังสิตขาออก เมื่อถึงอนุสรณ์สถานเห็นกลุ่มเสื้อแดงชุมนุมจำนวนมาก ตนถึงจอดรถดู
สักพักกลุ่มเสื้อแดงทยอยถอยหลังและได้ยินเสียงปืน เห็นปลอกกระสุนปืนลูกซองหล่นอยู่หน้าผู้ชุมนุมเสื้อแดง มีหนึ่งในผู้ชุมนุมบอกว่าเป็นกระสุนยาง ต่อมามีผู้ชุมนุมล้มลงและมีเลือดไหลบริเวณท้อง ตนเข้าไปช่วยเหลือลากมาหลบกระสุนบริเวณตอม่อ ส่วนตนถูกยิงบริเวณข้อมือซ้ายทะลุ ช่วงที่หลบกระสุนอยู่เห็นทหารถือปืนออกจากข้างทาง แต่ไม่รู้ว่าใครยิงตน หลังเกิดเหตุได้เงินเยียวยาจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ประมาณ 7 แสนบาท จึงไม่คิดดำเนินคดีทางอาญาและแพ่งต่อผู้ก่อเหตุ
เช่นเดียวกับนายวิชา โชเฟอร์แท็กซี่ เบิกความว่า หากหาคนยิงได้ไม่คิดดำเนินคดีอาญาและแพ่งกับผู้ก่อเหตุ เนื่องจากได้รับเงินเยียวยาในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมกันเกือบ 7 แสนบาท และคดีล่วงเลยมานานกว่า 2 ปีแล้ว
นายวิชาเบิกความอีกว่า วันเกิดเหตุเวลา 14.00 น.ขับรถแท็กซี่จากบ้านย่านคูคตไปที่อู่รถแท็กซี่ย่านรัชดาฯ ใช้เส้นทางวิภาวดีรังสิตเลนคู่ขนานขาเข้า ผ่านอนุสรณ์สถานฯ เจอกลุ่มเสื้อแดงเต็มช่องทางทั้งขาเข้า-ขาออก จึงลงจากรถมาดูเหตุการณ์ เห็นกลุ่มเสื้อแดงปาก้อนหิน ยิงหนังสติ๊ก ไม้ใส่กลุ่มทหาร บางคนโยนผักผลไม้มาจากโทลล์เวย์
จากนั้นทหารยิงปืนรัวเป็นชุด ขณะนั้นฟ้ามืดครึ้ม ฝนตกหนักด้วย ตนจึงวิ่งไปแอบหลังเสาโทลล์เวย์โดยหน้าอกซ้ายแนบเสาไว้ฝั่งเดียวโดยหันหน้าไปทางทหารยืน จนกระสุนยิงมาที่ตนโดนหน้าอกขวา และไหล่ขวา เข้าใจว่ากระสุนปืนมาจากกลุ่มทหาร ขณะนั้นตนล้มลงมีคนช่วยนำส่งรถพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่ากระสุนทะลุปอด ส่วนกระสุนที่เข้าไหล่ขวาทำให้กระดูกแตกและฝังในใกล้เส้นประสาทแพทย์ไม่สามารถผ่าตัดออกมาได้ หากผ่าตัดอาจทำให้แขนยกไม่ขึ้น โดยไม่เห็นเหตุการณ์ที่พลทหารณรงฤทธิ์ถูกยิง
ทั้งนี้ ช่วงบ่ายศาลนัดไต่สวนพยานอีก 2 ปาก คือ น.ส.วิจิตร จันทร์มั่น และนายสุรัตน์ ประมวล เป็นพยานแวดล้อมก่อนที่ผู้ตายจะถูกยิง เพื่อให้ทราบว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้างก่อนที่พลทหารณรงค์ฤทธิ์จะถูกยิงเสียชีวิต