ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยืนยันการจับกุม “กำนันเป๊าะ” ทำตามหน้าที่หลังประชาชนสังคมออนไลน์แจ้งเบาะเเสพบป้วนเปี้ยนอยู่ในเมืองชลเย้ยกฎหมาย จึงวางแผนติดตามจับกุมร่วม 2 เดือน จนรวบตัวได้ในที่สุด ด้าน ผบก.ป.เตรียมขออนุมัติหมายศาลขอข้อมูล รพ.สมิติเวช รับ “เป๊าะ” เข้าเป็นคนไข้โดยใช้ชื่อปลอมได้อย่างไร
วันนี้ ( 31 ม.ค.) พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวถึงคดีตำรวจจับกุมนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ ว่าการจับกุมครั้งนี้ไม่มีประเด็นทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ตำรวจดำเนินการไปตามกฎหมายในการติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีหมายศาล โดยข้อมูลเบาะแสที่ได้รับแจ้งนั้นได้มาจากข้อมูลของพี่น้องประชาชนในสังคมออนไลน์ที่มีแจ้งเบาะเเสเข้ามาเป็นเวลานานหลายเดือนว่านายสมชายอาศัยอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ไม่ได้หลบหนีออกไปต่างประเทศ หลังจากนั้นจึงสั่งการให้ พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.บก.ป.พร้อมด้วยชุดสืบสวน กก.ปพ.บก.ป.ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในโครงการตำรวจผู้รับใช้ชุมชนเข้าไปฝังตัวอยู่ในพื้นที่ สืบสวนหาข่าวเป็นเวลาประมาณ 2 เดือน ก่อนจะสามารถติดตามจับกุมนายสมชายได้ดังกล่าว
พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่ผ่านมาตำรวจไม่สามารถติดตามจับกุมนายสมชายได้นั้น เข้าใจว่าการทำงานของตำรวจในพื้นที่อาจทำได้ยากลำบาก เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นผู้กว้างขวาง และหากดำเนินการโดยไม่มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนก็อาจถูกพิจารณาฟ้องร้องได้ อย่างไรก็ดี สำหรับการจับกุมที่เกิดขึ้นตนยืนยันอีกครั้งได้เลยว่าไม่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรแอบแฝงอย่างแน่นอน การปฏิบัติการของกองบังคับการปราบปรามครั้งนี้จะเป็นการกอบกู้ภาพลักษณ์ของตำรวจให้ดีขึ้นเท่านั้น
ขณะที่ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป.กล่าวว่า ภายหลังการจับกุมนายสมชาย และนำตัวผู้ต้องหาส่งศาลอาญาแล้ว ได้สั่งการให้ตำรวจประสานไปยัง รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ เพื่อขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้ารับการรักษาตัวของนายสมชายที่มีการใช้ชื่อปลอม แต่ทาง รพ.สมิติเวชแจ้งว่าไม่สามารถให้ข้อมูลได้ในขณะนี้ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างพิจารณาขออนุมัติหมายศาล เพื่อขอข้อมูลจากทาง รพ.ดังกล่าวนำมาประกอบการพิจารณาเรื่องการรักษาตัวของนายสมชายอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในขั้นตอนต่างๆ ทาง พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์จะพิจารณาสั่งการมายัง บก.ป.ต่อไป โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับผู้ที่ให้การพักพิงแก่ผู้ต้องหา รวมทั้งกรณีที่นายสมชายใช้ชื่อปลอมว่า “นายกิม แซ่ตั้ง” ในการเข้ารับการรักษาโรคประจำตัว ที่ รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์