ศาลฎีกาไม่รับพิจารณา อดีตครูผู้ช่วย ม.จุฬาฯ ยิงพ่อค้าขายข้าวแกงดับ

ศาลฎีกาไม่รับพิจารณาฎีกา อดีตครูผู้ช่วยคณะวิศวะ จุฬาฯ ฉุนพ่อค้าขายข้าวแกงยืนฉี่ใส่หน้าบ้าน ชักปืนยิงดับเมื่อต้นปี 2548 ชี้ฎีกาขอให้ลดโทษของจำเลยไม่เป็นสาระ ที่ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 13 ปี นั้นเหมาะสมแล้ว

วันนี้ (30 ม.ค.) ที่ห้องพิจารณา 808 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีหมายเลขดำ อ.2070/ 2548 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้องนายสันติลักษณ์ หรือแสตมป์ ธัญญาหาร หรือนายภัทรวรรธน์ ธัญญาหารรุ่งโรจน์ อายุ 53 ปี อดีตครูผู้ช่วยระดับ 3 ภาควิชาไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนายิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2548 เมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. นายสุธัญ อิทธิสุรสิงห์ อายุ 45 ปี อาชีพพ่อค้าข้าวแกง ได้ไปร่วมงานวันเกิดของหลานสาวที่บ้านเช่าหลังอาคารมิสเตอร์แสตมป์ ที่มีนายสันติลักษณ์ จำเลยเป็นเจ้าของ เมื่อกลับจากงานเลี้ยง นายสุธัญได้ไปยืนปัสสาวะที่ริมคลองประปา หน้าบ้านของนายสันติลักษณ์ จำเลยเห็นจึงยิงปืนขึ้นฟ้า 2 นัด นายสุธัญจึงตะโกนถามว่ายิงปืนทำไม จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้เกิดปากเสียงกันอย่างรุนแรง ขณะนั้นมีพยานซึ่งเป็นเพื่อนของนายสุธัญเห็นเหตุการณ์ได้เข้าไปห้ามปราม แต่จำเลยไม่ฟังเสียงใช้ปืนขนาด 9 มม.ยิงใส่นายสุธัญเข้าที่หน้าอกจนเสียชีวิต

จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดีอ้างว่าผู้ตายกับเพื่อนเดินมาหาเรื่องที่หน้าห้องพัก โดยมีอาวุธมีดมาด้วย ตนจึงเข้าห้องกลับไปเอาปืนมายิงขู่ แต่ถูกเพื่อนผู้ตายแย่งปืน จนปืนลั่นใส่นายสุธัญ ถึงแก่ความตายเอง

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2549 เห็นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 376 ให้ลงโทษจำคุกฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เป็นเวลา 18 ปี ฐานยิงปืนในที่สาธารณะจำคุก 9 วัน จำเลยให้การรับสารภาพฐานยิงปืนในที่สาธารณะ และให้การเป็นประโยชน์บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยไว้ 12 ปี 6 วัน และให้บวกโทษจำคุก 1 ปี ที่รอลงอาญาไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ 566/2545 คดีทำร้ายร่างกายนางศรินรัตน์ ธัญญาหาร ภรรยา ได้รับอันตรายสาหัสด้วย รวมโทษจำคุกจำเลยทั้งสิ้น 13 ปี 6 วัน จำเลยยื่นอุทธรณ์ ต่อมาวันที่ 9 มี.ค. 2552 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยยื่นฎีกา

ศาลฎีกาประชุมปรึกษาหารือแล้วเห็นว่า จำเลยยื่นฎีกาว่าผู้ตายพกพาอาวุธมีดเข้ามาในบริเวณบ้านจำเลย กรณีจึงเป็นเหตุป้องกันตัว ขอให้ศาลฎีกาพิจารณาลงโทษสถานเบา ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยไม่เป็นสาระ ไม่มีเหตุให้ลงโทษสถานเบา ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบท โดยผลให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ที่ให้ลงโทษจำคุกเป็นเวลา 13 ปี 6 วัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างถูกควบคุมตัวออกจากห้องพิจารณาคดี นายสันติลักษณ์กล่าวว่า ในส่วนของคดีนั้นถึงที่สุดแล้ว ตนจะยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษต่อไป