เพลิงไหม้โรงแรมแกรนด์ เจริญกรุง คาดถูกลอบวางเพลิง โดยมือเผากดสัญญาณเตือนภัยที่ชั้น 7 ก่อนการวางเพลิงที่ชั้น 6, 5 และ 1 ปริศนาพนักงานเสิร์ฟโรงแรม เข้าไปนอนเสียชีวิตภายในห้องน้ำของแขกที่มาพัก มีนักท่องเที่ยวบาดเจ็บ 5 ราย ตร.รอตรวจสอบกล้องวงจรปิดอีกครั้ง
วันนี้ (27 ม.ค.) พล.ต.ต.รัษฎากร ยิ่งยง ผบก.น.8 พ.ต.อ.ธงชัย บุญสมบัติ ผกก.สน.สำเหร่ นางอัจฉราวดี ชัยสุวิรัตน์ ผอ.เขตคลองสาน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เดินทางมาตรวจสอบที่โรงแรมแกรนด์ ทาวเวอร์ อินน์ หลังเกิดเหตุไฟไหม้ เป็นเหตุให้ นายพงษ์กร บุญอร่าม อายุ 45 ปี พนักงานเสิร์ฟของโรงแรมเสียชีวิต นอกจากนี้ ยังมีตำรวจท่องเที่ยวมาคอยอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าชาวต่างชาติ
พล.ต.ต.รัษฎากร กล่าวว่า ได้สั่งการให้ สน.สำเหร่ ส่งพนักงานสอบสวน มาทำการสอบปากคำพนักงานของโรงแรม และแขกที่เข้าพักทั้งหมด ทั้งนี้ สำหรับแขกที่เข้ามาพักอยู่ในช่วงเกิดเหตุ ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่อนุญาตให้ย้ายออก เนื่องจากต้องทำการสอบปากคำเสร็จสิ้นก่อน จึงจะให้ย้ายออกได้ ส่วนสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเกิดจากเหตุใด ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบก่อน ส่วนที่ผู้ตายซึ่งเป็นพนักงานของทางโรงแรมไปเสียชีวิตในห้องดังกล่าวนั้น ยังไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ตายนั้นเข้าไปในห้องที่เกิดเหตุได้อย่างไร จากนี้ต้องทำการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดอีกครั้ง
พล.ต.ต.รัษฎากร กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบเชื่อว่า ต้นเพลิงน่าจะมาจากที่บริเวณชั้น 1 ซึ่งเป็นห้องเก็บของ อาทิเช่น ไม้ เก้าอี้ที่ชำรุด น้ำยาแอร์ จากนั้นเพลิงได้ลุกลามไปยังชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องครัว และลุกลามไปยังชั้น 3 ซึ่งเป็นห้องดังกล่าว นอกจากนี้ ยังพบอีกว่า ที่บริเวณชั้น 6 และชั้น 7 เกิดเพลิงไหม้ที่รถเข็นผ้าปูที่นอนเพียงอย่างเดียว ซึ่งทางพนักงานของโรงแรมได้ช่วยกันดับไว้ได้ก่อนที่เพลิงจะลุกลาม
นางอัจฉราวดี กล่าวว่า โรงแรมดังกล่าวนั้นได้มีการตรวจสอบระบบความปลอดภัยต่างๆ ตามกำหนดทุกปี โดยในช่วงเช้า ตนยังได้เดินทางไปดูอาการผู้ได้รับบาดเจ็บที่ รพ.กรุงธน 1 ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวเข้ารับการรักษาตัว 5 ราย โดยแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้าน 1 ราย และอยู่ในห้องไอ.ซี.ยู.3 ราย เป็นชาวจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และอยู่ห้องรวม 1 ราย นอกจากนี้ ได้เดินทางไปที่ รพ.ตากสิน ซึ่งมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 6 ราย ซึ่งทางแพทย์ได้อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว 5 ราย เหลืออีก 1 ราย เป็นชาวจีน รักษาตัวอยู่ห้องรวม ส่วน นายพงษ์กร จากการชันสูตรศพเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยจากถูกไฟไหม้ตามร่างกาย มีเพียงแค่เลือดออกที่บริเวณจมูกเท่านั้น นอกจากนี้ ยังพบคราบเขม่าบริเวณจมูกอีกเป็นจำนวนมาก
จากการสอบสวน นายปรีดา เกตุเจริญ พนักงานตอนรับ กล่าวว่า โรงแรมแห่งนี้เปิดให้บริการมาแล้วเป็นเวลากว่า 10 ปี มีทั้งหมด 72 ห้อง โดยในช่วงก่อนเกิดเหตุ มีลูกค้าเข้ามาใช้บริการจำนวน 20 ห้อง โดยก่อนเกิดเหตุสัญญาณเตือนไฟไหม้ดังขึ้นที่บริเวณชั้น 7 ทางพนักงานจึงนำถังดับเพลิงขึ้นไปดับไฟ และพบว่า เพลิงนั้นได้ไหม้รถเข็นผ้าปูที่นอนเท่านั้น และในเวลาไล่เลี่ยกัน ก็พบเพลิงไหม้ในลักษณะเดียวกันอีกที่ชั้น 6 และ ชั้น 5 ระหว่างที่ไฟกำลังไหม้ทางพนักงานโรงแรมได้ให้ลูกค้าเดินลงมาทางบันไดหนีไฟ และช่วยกันดับเพลิงไว้ได้ โดยที่บริเวณชั้นดังกล่าวนั้น ไม่มีห้องพักได้รับความเสียหาย มีเพียงคราบเขม่าสีดำติดอยู่เท่านั้น เมื่อดับเพลิงได้แล้ว จึงพากันมาที่บริเวณชั้นล่าง ก็พบไฟกำลังไหม้อยู่ที่ห้องเก็บของ จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงก่อนจะลุกลามขึ้นไปยังห้อง 312 ดังกล่าว กระทั่งควบคุมเพลิงได้ดังกล่าว
นายปรีดา กล่าวอีกว่า ขณะที่เกิดเหตุเพลิงไหม้อยู่นั้น ตนก็ไม่เห็นนายพงษ์กร ซึ่งแต่เดิมก็ป่วยเป็นโรคประจำตัว อยู่รวมกับเพื่อนพนักงาน เมื่อเพลิงสงบลง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการเปิดห้องทุกห้อง ก่อนจะมาพบศพนายพงษ์กร นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องน้ำของห้องหมายเลข 312 โดยขณะนั้นห้องดังกล่าวถูกล็อกจากด้านใน
“โดยที่ห้องดังกล่าวมีลูกค้าเป็นผู้หญิงเข้ามาใช้บริการก่อนจะออกไปข้างนอกในเวลาประมาณ 5 ทุ่ม ส่วน นายพงษ์กร เข้าไปอยู่ในห้องดังกล่าวได้อย่างไรนั้น หลายคนก็ยังสงสัยว่าเข้าไปได้อย่างไร เพราะห้องทุกห้องของโรงแรมนั้นใช้คีย์การ์ดเข้าออก ซึ่งเมื่อแขกออกจากห้องก็จะนำคีย์การ์ดไปคืนที่เคาน์เตอร์ จากนี้ต้องตรวจสอบจากกล้องวงปิดและระบบเข้าออกห้องพักของทางโรงแรมอีกครั้ง ว่า นายพงษ์กร เข้าไปในห้องดังกล่าวได้อย่างไร” นายปรีดา กล่าว
ด้าน นายเดโช เอี่ยมชีรางกูร กรรมการผู้บริหาร โรงแรมแกรนด์ ทาวเวอร์ อินน์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่เชื่อว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรอย่างแน่นอน แต่เชื่อว่า น่าจะเป็นการวางเพลิงมากกว่า เนื่องจากสัญญาณเตือนภัยดังขึ้นที่ชั้น 7 และชั้น 6 ในเวลาไล่เลี่ยกันเหมือนต้องเบี่ยงเบนความสนใจของพนักงานไปยังจุดดังกล่าว เมื่อพนักงานหลงกล จึงวางเพลิงขึ้นดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนไม่รู้มาก่อนว่าทางผู้จัดการได้ไล่ใครออกหรือไม่ และทางโรงแรมมีปัญหากับแขกที่มาพักหรือเปล่า หรือพนักงานมีเรื่องกันเองหรือไม่ จากนี้ต้องสอบถามทางผู้จัดการอีกครั้ง ทั้งนี้ ก็ได้แต่สงสัยว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นได้อย่างไร สำหรับเรื่องค่าเสียหายนั้น ยังไม่สามารถประเมินได้ว่าเสียหายเท่าใด ต้องรอให้บริษัท ทิพยประกันภัย ซึ่งทางโรงแรมได้ทำประกันเอาไว้เข้ามาตรวจสอบค่าเสียหายอีกครั้ง นอกจากนี้ ประกันที่ทางโรงแรมทำยังได้คุ้มครองไปยังบุคคลที่ 3 ด้วย