ตำรวจบางเสาธงรับแจ้งเหตุรถเก็บขยะ กทม.เสียหลักชนเสาไฟฟ้า เสียชีวิต 1 ราย โต้กันวุ่นคู่กรณีอ้างคนขับรถเก็บขยะหลับใน อีกฝ่ายบอกรถคู่กรณีพุ่งออกมาจนต้องหักหลบจนเสาไฟฟ้า ตร.รอตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่เกิดเหตุ
วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 05.30 น. ร.ต.ท.สงัด พลเล พนักงานสอบสวน สน.บางเสาธง รับแจ้งเหตุรถขนขยะ กทม. เสียหลักชนเสาไฟฟ้าบริเวณหน้าเต็นท์ขายรถป่าป๊า ถนนกาญจนาภิเษก มุ่งหน้าเพชรเกษม แขวงบางเสาธง เขตบางแค กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และเจ้าหน้าที่กู้ภัยป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกขยะ 6 ล้อ ยี่ห้อิตซูบิชิ รุ่นแคนเตอร์ สีเขียว ทะเบียน 77-7046 กรุงเทพฯ เลขประจำรถ 1986016 ของสำนักงานเขตบางกอกน้อย สภาพรถหงายท้องขึ้นฟ้า และชนเสาไฟฟ้าข้างทางล้ม 1 ต้น เศษขยะกระจัดกระจายเกลื่อน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อคือ นายบุญธรรม บริบูรณ์ อายุ 51 ปี พนักงานเก็บสิ่งปฏิกูล สำนักงานเขตบางกอกน้อย เป็นคนที่นั่งข้างคนขับ คาดว่าน่าจะกระเด็นออกมาจากหน้ากระจกรถกระแทกกับพื้นอย่างแรงจนทำให้คอหัก เสียชีวิตคาที่ ห่างออกไปประมาณ 50 เมตร พบรถแวนอีกคันยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นจีวากอน สีขาว ทะเบียน 4119 กรุงเทพฯ จอดอยู่ห่างออกไปทางด้านซ้าย สภาพตัวถังด้านขวาถูกชนจบยุบทั้งแถบ
จากการสอบสวนนายชวน เมนฉายา อายุ 49 ปี พนักงานขับรถเก็บขยะคันดังกล่าวให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและผู้เสียชีวิตขับรถมารับขยะในพื้นที่รับผิดชอบ จากนั้นจะนำขยะไปทิ้งที่ถนนพุทธมณฑลสาย 3 แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ รถคู่กรณีได้ขับพุ่งออกมาจากซอยบางแวก ถนนจรัญสนิทวงศ์ 13 ตัดหน้ารถแบบกระชั้นชิดทำให้เหยีบเบรกกะทันหันจนเฉี่ยวชนกันทำให้รถตนเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า ส่งผลให้เพื่อนที่นั่งมาด้วยอีกคนเสียชีวิตดังกล่าว
ด้านนายสมมาตร โดยหนอ อายุ 50 ปี เจ้าของรถมิตซุบิชิ จีวากอน คู่กรณีเล่าว่า ตนและนางธำรงค์ลักษณ์ คล้ายทอง ภรรยา ขับรถออกจากบ้านเพื่อไปซื้อข้าวของให้ลูกค้า เพราะว่าตนประกอบอาชีพค้าขายอาหารตามสั่ง จังหวะที่ตนเลี้ยวซ้ายออกจากซอยกาญจนาภิเษก มีรถพุ่งมาอย่างเร็ว ตนคิดว่าคล้ายคนมีอาการหลับใน ชนเข้ากับรถของตนอย่างจัง ก่อนจะเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าข้างทาง ตนและภรรยาโชคดีที่เป็นอะไร มีเพียงภรรยาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าเล็กน้อยเท่านั้น
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังแจ้งข้อหาคู่กรณีทั้งสองฝ่าย โดยทั้งสองให้การขัดแย้งกัน จึงต้องทำการสอบสวนพยานเพิ่มเติมเสียก่อน และจะเชิญตัวคู่กรณีทั้งสองไปสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้ง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
