ตรงเป้า
ศรรามา
เมื่อ กกต.ประกาศวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เป็นวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม 2556 และวันที่ 21-25 มกราคม 2556 นั่นก็หมายถึงระฆังยกแรกของศึกชิงแชมป์ได้เริ่มขึ้นแล้ว และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ถูกสลักอักษร“เพื่อไทย”ไว้ที่หน้าผากเรียบร้อย
วันที่แต่งเครื่องแบบถือพานพวงมาลัยดอกมะลิ ไปคารวะขอพรจากนายกรัฐมนตรี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.พงศพัศ คงไม่รู้ว่าผู้คนที่เห็นภาพนั้นมีความรู้สึกอย่างไรเขาว่ากันว่า นายกรัฐมนตรี ป้ำๆ เป๋อๆ ที่สื่อต่างประเทศเรียกขานว่า “มิสทวาย” เพราะเชี่ยวชาญเรื่องท่าเรือน้ำลึกทวายอย่างเดียว ยังไม่สามารถให้พรกับตัวเองได้แล้วมีหน้าไปให้พรกับคนอื่น แต่ในใจของ พล.ต.อ.พงศพัศ คิดว่า มันเป็นพรอันประเสริฐเลิศล้ำ ก็ว่ากันไปไม่อย่างนั้นคงไม่พูดว่า “ถ้าไม่มีนายกฯ ชื่อยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไม่มีพงศพัศ พงษ์เจริญ ยืนอยู่ตรงนี้” เหมือนคำว่า “มีวันนี้เพราะพี่ให้” เป๊ะ
พอเปิดตัวเสร็จสรรพ ป้ายหาเสียงขนาดใหญ่ก็พึ่บพั่บผุดขึ้นเต็มริมถนนทุกท้องที่ใน กทม.ชาวเมืองหลวงจึงถึงบางอ้อ ว่า พรรคเพื่อไทยเขาเตรียมป้ายวางตัว พล.ต.อ.พงศพัศ ไว้นานแล้วนานตั้งแต่ดึง พล.ต.อ.พงศพัศ มาถ่างขานั่งเก้าอี้เลขาธิการ ป.ป.ส.ให้ไปลุยชุมชนแออัดใน กทม.เอาโครงการเรื่องยาเสพติดบังหน้าไปหาเสียงกลายๆ ระหว่างนั้นก็เคลียร์ปัญหากับกลุ่มก๊วนสมุนของคุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่พยายามผลักดันเจ้าแม่ของพวกตนลงสนามสู้ศึกครั้งนี้
แต่ไม่มีใครรู้ดีเท่านักโทษหนีคุกอย่าง “ทักษิณ ชินวัตร” ผู้เล่นหมากรุกบนกระดานคนเดียว ทักษิณมองว่าถ้าคุณหญิง สุดารัตน์ สอบตกในสนามแห่งนี้เป็นครั้งที่สอง ภาพลักษณ์ของคุณหญิงจะเป็นอย่างไร สู้ให้ พล.ต.อ.พงศพัศ ซึ่งคนกรุงเทพฯรู้จักชื่อและคุ้นหน้าอยู่แล้วเป็นตัวตายตัวแทนดีกว่า
หาก พล.ต.อ.พงศพัศ ได้รับเลือกก็เท่ากับพรรคเพื่อไทยยึดหัวหาดกรุงเทพฯ เรียบร้อย มันส่งผลต่อการเลือกตั้ง ส.ส.รวมทั้ง ส.ก.และ ส.ข.ในโอกาสข้างหน้า แต่ถ้า พล.ต.อ.พงศพัศ สอบตกขอกลับเข้ารับราชการใหม่ ซึ่งเป็นสิทธิที่ทำได้ แต่มันก็เกิดความยุ่งยาก จะหาเก้าอี้ตัวไหนให้นั่ง
ทั้งหมดทั้งปวง “ทักษิณ”ชี้ทางออกให้ “ยิ่งลักษณ์”รับทราบแล้วจะต้องปรับ ครม.อีกครั้งสมนาคุณให้ผู้เสียสละทั้งสองให้คุณหญิง สุดารัตน์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี ให้ พล.ต.อ.พงศพัศ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสื่อสารมวลชนภาครัฐและภาคเอกชน ซึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศ เชี่ยวชาญชำนาญการในเรื่องพรรค์นี้อย่างดียิ่ง
ประเดิมการหาเสียงวันแรกของ พล.ต.อ.พงศพัศ ก็น่าเป็นห่วงว่าครั้งต่อไปจะมีใครพลาดท่าเสียทีให้กับกฎระเบียบของ กกต.บ้าง
เช้าวันครู 16 มกราคม 2556 ยังไม่ถึงเวลาราชการ ไม่เป็นไร ยิ่งลักษณ์พาพงศพัศไปลุยตลาดสายเนตร คันนายาว รามอินทรา กม.8 เดินกันเป็นพรวน ทั้งรัฐมนตรี ทั้ง ส.ส.และทีมงาน รวมทั้ง “ปวีณา หงสกุล”
เมื่อมี ปวีณา ก็ต้องมีคนๆ นี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง เจ้าพ่อนครบาล
“บิ๊กแจ๊ด”ไปอำนวยความสะดวกในด้านจราจรและความปลอดภัย
ไม่รู้ว่า พล.ต.อ.พงศพัศ คิดยังไงทีมงานเตรียมพวงมาลัยสำหรับคล้องคอให้หน้าม้าเอาไปมอบ พล.ต.อ.พงศพัศ ซึ่งพยายามฉีกยิ้มตลอดเวลา คัดเอาพวงมาลัยดอกดาวเรืองสีเหลืองออก เอาแต่พวงมาลัยดอกกุหลาบสีแดงคล้องคอก็ต้องถามย้ำว่าถอดเครื่องแบบได้วันเดียวถึงกับรังเกียจ “สีเหลือง” อย่างออกหน้าออกตาถึงขนาดนั้นเชียวเรอะ
พล.ต.อ.พงศพัศ เดิมชื่อ“ไพรัช” ภรรยาชื่อ “กรพัณณ์” เดิมชื่อ“วิริยา”เปลี่ยนชื่อกันทั้งผัวและเมีย ซึ่งเป็นเหตุผลส่วนตัวของเขา ชาวบ้านอย่างพวกเราอย่าไปรู้เลย
เหมือนกับตำรวจแก่อีกคนที่ลงชิงชัยและเปิดตัวตั้งแต่ไก่โห่ก่อน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร.นี่ก็เปลื่ยนทั้งชื่อทั้งนามสกุลจากเดิม “เสรี เตมียเวส”
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 24 สำเร็จการศึกษากำลังไฟแรง ไปอยู่อีสานสู้กับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ ประชาชนชื่นชอบยกให้เป็น “วีรบุรษนาแก” แต่ตอนนี้เป็นอะไรก็สุดแล้วแต่จะเรียกขาน
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เคยเป็น ผกก.มุกดาหาร ผกก.ชลบุรี รอง ผบก.ภ. 2 รอง ผบก.ร.ร.นรต. ขึ้นเป็น ผบก.ป.สมัยนายกรัฐมตรี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ แล้วถูกเด้งไปประจำ ผบช.ภ.2 กลับมาเป็น ผบก.กองข่าวสาร กองบัญชาการสารนิเทศ เป็น ผบก.สันติบาล 2 ผบก.ภูธรเขต 6 กระเด็นไปเป็น ผบก.วิทยาการภาค 3
เป็นผู้ช่วย ผบช.สอบสวนกลาง ผู้ช่วย ผบช.ภูธรภาค 2 รอง ผบช.สอบสวนกลาง ผบช.ร.ร.นรต.เขยิบเป็นผู้ช่วย อ.ตร.เมื่อปี 2541 ถูกแช่แข็งอยู่ 6 ปี ไปเป็นจเรตำรวจ ต้องเปลี่ยนชื่อนามสกุลจนกระทั่งปี 2549 ได้เป็นที่ปรึกษา สบ10
เป็น ผบ.ตร.เมื่อตุลาคม 2550 นั่งเก้าอี้ตัวนี้ได้ 4 เดือน ก็ถูกเตะโด่งไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แล้วถูก นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เซ็นคำสั่งให้ออกจากราชการ
ต่างคนต่างมีชนักปักหลัง พล.ต.อ.พงศพัศ เจอเรื่องลักทรัพย์ในสมัยไปเรียนปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีคดีความเรื่องรีสอร์ตของตัวเองที่จังหวัดกาญจนบุรี รวมทั้งเรื่องเอาเฮลิคอปเตอร์หลวงไปใช้ส่วนตัว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร แผ่นหลังสะอาดปราศจากริ้วรอยก็โดนกรมสอบสวนคดีพิเศษ “ช่วยเรียกแขก” เอาชนักมาปักหลังให้คดีเซ็นสัญญาต่อสัมปทานกับรถไฟลอยฟ้า ซ้ำยังมีความพยายามเอาไม้จิ้มฟันมาแทงหลัง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เรื่องการบริจาคเงินเดือนให้พรรค
กล่าวเฉพาะฐานเสียงของตำรวจ ก็ไม่แน่ว่าจะตกอยู่ในกำมือของเพื่อไทย เห็นได้จากวันที่ พล.ต.อ.พงศพัศ ไปอำลาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีแต่ตำรวจระดับประทวนกับสัญญาบัตรเบื้องต้นไม่มากนักที่มอบดอกกุหลาบให้เล่นเอา พล.ต.อ.พงศพัศ ต้องฝืนยิ้มแห้ง
ทางด้าน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ คงมีลูกน้องเก่าไม่มากนัก ลงคะแนนให้ เพราะคะแนนส่วนใหญ่ของเขาจะได้จาก “กลุ่มเพื่อนเสรี” ที่เป็นนักธุรกิจ
“ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์” ก็มีตำรวจสนับสนุนเช่นกัน จำชื่อเขาได้ไหม “เดอะแต้ม” ที่ถูกการเมืองเล่นงาน พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ มีพรรคพวกมากมายและรวมตัวเป็นกลุ่มก้อนชื่อ “เพื่อนแต้ม” รวมใจกันแล้ว......เทคะแนนให้ “คุณชายหมู”