xs
xsm
sm
md
lg

กลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ยื่นฟ้อง “เฮียปึ้ง” รมว.ต่างประเทศ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ
“ไชยวัฒน์ สินสุวงศ์” นำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ยื่นฟ้อง “สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล” รมว.ต่างประเทศ-กระทรวงบัวแก้ว ปฏิบัติหน้าที่มิชอบในคดีเขาพระวิหาร เผยจะนำรายชื่อแนวร่วม 1 ล้านคน เสนอประธานศาลฎีกา-กองทัพต่อไป

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (14 ม.ค.) นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์, ม.ล.วัลย์วิภา บุรุษรัตนพันธุ์ และนายสมบูรณ์ ทองบราณ ในฐานะแกนนำแนวร่วมคนไทยรักชาติ รักษาแผ่นดินได้เป็นโจทก์ที่ 1-3 ยื่นฟ้องกระทรวงการต่างประเทศ, นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ, นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ, นายภาสกร ศิริยพันธ์ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก, นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารสนเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ และนายธัชชยุติ ภักดี รองอธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เป็นจำเลยที่ 1-6 ตามลำดับ ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,90,91และ 157 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา 14 (1)

โจทก์ฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2555 จำเลยทั้งหกร่วมกันแบ่งหน้าที่กันทำโดยเผยแพร่ข้อมูลชื่อ “ข้อมูลที่ประชาชนไทยควรทราบเกี่ยวกับประสาทพระวิหารและการเจรจาเขตแดนไทย-กัมพูชา” อันเป็นการดำเนินการของฝ่ายไทยในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว มีการบรรยายข้อเท็จจริงที่เป็นการเสนอบันทึกการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) จำนวน 3 ฉบับ ต่อรัฐสภาเพื่อขอความเห็น มีข้อความว่า “เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 2554 กระทรวงการต่างประเทศมีหนังสือแจ้งให้กัมพูชาทราบถึงการมีผลใช้บังคับของบันทึกการประชุมฯ ทั้ง 3 ฉบับ เนื่องจากการดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายภายในประเทศไทยเสร็จสิ้นแล้ว ฝ่ายกัมพูชามีหนังสือตอบกลับเมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2554 รับทราบการแจ้งของไทยและแจ้งว่า สำหรับกัมพูชาบันทึกการประชุมฯ ทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่สิ้นสุดการประชุมเมื่อวันที่ 7-8 เม.ย. 2552 ปรากฏตามเอกสาร “ข้อมูลที่ประชาชนไทยควรทราบเกี่ยวกับประสาทพระวิหารและการเจรจาเขตแดนไทย-กัมพูชา” ที่มีการแจกจ่ายให้กับประชาชนทั่วไป

ต่อมาวันที่ 9 ก.พ. - 15 มี.ค. 2555 จำเลยทั้งหกยังได้เผยแพร่เนื้อหาและรูปแบบเดียวกันในเว็บไซต์ www.mfa.go.th เพื่อให้คนไทยและต่างชาติได้รับทราบทั่วโลก แต่เนื้อหาในเอกสารดังกล่าวในหน้าที่ 33 บรรทัดที่ 22-28 บรรยายว่า “การมีผลใช้บังคับของบันทึกการประชุมฯทั้ง 3 ฉบับ เนื่องจากการดำเนินการตามกฎหมายภายในประเทศไทยเสร็จสิ้นแล้ว”นั้นเป็นความเท็จ ทั้งที่ความจริงแล้ว บันทึกการประชุมฯทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวยังไม่มีผลบังคับเพราะการดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายในประเทศไทยยังไม่เสร็จสิ้นลง เพราะบันทึกการประชุมฯ ทั้ง 3 ฉบับยังไม่ได้ผ่านการรับรองโดยรัฐสภาไทยตามขั้นตอนของกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

การกระทำของจำเลยทำให้ประชาชนที่ได้อ่านเอกสารดังกล่าวเกิดความสับสนเข้าใจและหลงเชื่อต่อการดำรงอยู่และฐานะของบันทึกการประชุมฯทั้ง 3 ฉบับดังกล่าว โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายในทันทีว่ามีฐานะผูกพันตามกฎหมายกับประเทศไทยแล้ว จึงเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายต่อโจทก์ทั้ง และประชาชนหรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตและเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ เหตุเกิดที่กระทรวงการต่างประเทศ แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี กทม. และทุกท้องที่ที่เปิดรับข้อมูลคอมพิวเตอร์ทั่วราชอาณาจักร เบื้องต้นศาลรับคำฟ้องไว้พิจารณา เพื่อจะมีคำสั่งว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่

ด้านนายไชยวัฒน์กล่าวว่า ขณะนี้ได้ล่ารายชื่อประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกรณีประสาทพระวิหารแล้ว 7 แสนรายชื่อ คาดว่าวันที่ 21 ม.ค.นี้จะสามารถรวบรวมรายชื่อครบ 1 ล้านรายชื่อ เมื่อครบแล้วจะมีการเปิดแถลง และจะมีมาตรการเคลื่อนไหวของประชาชนในฐานะเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามมาตรา 3 แห่งรัฐธรรมนูญ รวมทั้งจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อประธานศาลฎีกา ในฐานะประธานสูงสุดของอำนาจตุลาการและยื่นหนังสือให่ผู้นำเหล่าทัพในฐานะกลไกด้านความมั่นคง ให้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญในการพิทักษ์อธิปไตยและความมั่นคงของรัฐด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น