ศาลขังแฮกเกอร์หนุ่มแอลจีเรีย รอส่งตัวไปดำเนินคดีที่สหรัฐฯ

อัยการยื่นศาลขังแฮกเกอร์หนุ่มแอลจีเรียเจาะข้อมูลทางการเงินเหยื่อเมืองลุงแซมกว่า 200 ราย เตรียมส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีที่สหรัฐฯ

ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (8 ม.ค.) พนักงานอัยการฝ่ายต่างประเทศ 1ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งขังนายแฮมซา เบ็นดิลลาดจ์ (Mr.Hamza Bendelladj) อายุ 24 ปี แฮกเกอร์หนุ่มชาวแอลจีเรีย ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงเงินผ่านระบบธนาคาร เพื่อรอส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดน

โดยระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อเดือน ธ.ค. 2552 และ เดือน ก.ย. 2554 ผู้ต้องหาได้กระทำผิดกฎหมายโดยใช้ซอฟต์แวร์โปรแกรมที่เรียกว่า สปายอาย (Spy Eye) ซึ่งเป็นโปรแกรมที่ไม่สามารถค้นพบจากโปรแกรมที่ป้องกันไวรัสทั่วไปได้ และใช้ชื่อออนไลน์ว่า BX 1 แล้วขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินที่เป็นความลับของผู้เสียหายจากคอมพิวเตอร์ประมาณ 217 เครื่อง ซึ่งผู้เสียหายจะได้รับหน้าเว็บเพจ ปลอมของธนาคารเพื่อหลอกให้ผู้เสียหายป้อนข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงิน เหตุเกิดที่รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ต่อมาวันที่ 21 ธ.ค. 2554 ศาลแขวงรัฐจอร์เจียตอนเหนือได้ออกหมายจับผู้ต้องหา ซึ่งมีโทษจำคุกมากกว่า 1 ปี

กระทั่งวันที่ 2 ม.ค. 2556 สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทยได้มีหนังสือถึงรัฐบาลไทย ให้จับกุมตัวผู้ต้องหามาขังไว้ เพื่อรอส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีที่สหรัฐฯ ฐานฉ้อโกงเงินผ่านระบบธนาคารทางคอมพิวเตอร์และสมรู้ร่วมคิดเพื่อทำการฉ้อโกงเงินผ่านระบบธนาคาร

ต่อมาวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจได้จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ตามหมายจับศาลอาญา ที่ 7/2556 ลงวันที่ 4 ม.ค. 2556 และขอศาลมีคำสั่งขังผู้ต้องหาไว้ เพื่อรอส่งเป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีที่สหรัฐอเมริกา ตามสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ พ.ศ. 2533 และ พ.ร.บ.ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ. 2551 มาตรา 15 และมาตรา 16

ท้ายคำร้องระบุว่า หากผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งไม่อนุญาต เพราะเกรงว่าผู้ต้องหาอาจจะหลบหนีจนไม่สามารถส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนได้

ศาลพิจารณาแล้วจึงมีคำสั่งให้ขังผู้ต้องหาไว้ ก่อนครบกำหนด 60 วัน หากผู้ร้องไม่ยื่นคำร้องตามระเบียบการส่งผู้ร้ายข้ามแดนหรือหนังสือและพยานหลักฐานอันจำเป็นอย่างอื่นให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาไป