“เอกยุทธ” ปัดข้อหาสั่งรุมกระทืบ ผจก.โอเกะ

“เอกยุทธ” ปฏิเสธข้อหากล่าวทำร้ายร่างกาย เตรียมแจ้งความดำเนินคดีผู้จัดการร้านคาราโอเกะฐานแจ้งความเท็จ ชี้มีความพยายามสร้างพยานขึ้นมากล่าวหา

วันนี้ (28 ธ.ค.) นายเอกยุทธ อัญชันบุตร นักธุรกิจชื่อดัง และเจ้าของเว็บไซต์อินไซเดอร์ พร้อมด้วยนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทีมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยมี พล.ต.ต.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบก.น.4 พ.ต.อ.สง่า กรรภิรมย์ ผกก.สส.บก.น.4 พ.ต.อ.ธนวัฒน์ วัฒนกุล ผกก.สน.โชคชัย พ.ต.ท.มานะ มหาศะรานนท์ พนักงานสอบสวนชำนาญการพิเศษ (สบ 3) สน.โชคชัย และพ.ต.ท.ประทวน แมลงทับ พนักงานสอบสวนชำนาญการ (สบ 2) ร่วมสอบปากคำ โดยใช้เวลานานกว่า 1 ชม.

นายสุวัตรกล่าวภายหลังการสอบปากคำว่า จากการสอบปากคำพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาต่อนายเอกยุทธในข้อหาเอาไปเสียซึ่งเอกสารสลิป หรือทำลายสลิปและร่วมกันทำร้ายร่างกาย ซึ่งเบื้องต้นให้การภาคเสธทุกข้อกล่าวหา พร้อมเตรียมทำเอกสารคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อนำมาชี้แจงภายใน 30 วันด้วย เนื่องจากต้องการชี้แจงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

ด้านนายเอกยุทธกล่าวว่า จากการสอบปากคำของพนักงานสอบสวนเบื้องต้น ตนขอปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เป็นความจริง มีการสร้างพยานขึ้นมากล่าวหาตน แต่ไม่อยากพูดอะไรมากเพราะกลัวจะเสียรูปคดี ส่วนกรณีที่บอกว่าบัตรเครดิตตนหมดอายุนั้น ขอชี้แจงว่า บัตรของตนเป็นบัตรแบบพรีเมียมของอเมริกันเอ็กซ์เพรส กับบัตรของธนาคารนครหลวงไทย ซึ่งจะหมดอายุในปีหน้า และก็ได้รับการยืนยันจากทางธนาคารด้วย และก่อนหมดอายุทางธนาคารจะต้องส่งบัตรใหม่มาให้อยู่แล้ว นอกจากนี้ ตอนที่พนักงานร้านนำบัตรตนไปรูดที่เครื่องนั้นทางร้านก็รูดแค่เครื่องเครื่องเดียวซ้ำๆ กัน ทั้งที่ในร้านมีอยู่ถึง 5 เครื่อง ตนเองก็ไม่รู้ว่าจะเอาข้อมูลในบัตรตนไปด้วยหรือไม่

“ส่วนภาพที่เห็นว่าผมชี้มือสั่งลูกน้องรุมกระทืบนั้น เป็นแค่ภาพจากเพียงบางส่วน ที่จริงแล้วผมแค่ชี้บอกให้หยุดอย่าทะเลาะกัน และภาพล็อกคอนั้นก็เป็นการล็อกคอพวกเดียวกันเองเพื่อห้ามปราม ดังนั้นเรื่องที่ว่าผมสั่งลูกน้องรุมกระทืบจึงไม่ใช่เรื่องจริง” นายเอกยุทธกล่าว

นายเอกยุทธกล่าวด้วยว่า ตนเตรียมแจ้งข้อหากลับต่อผู้จัดการร้านคาราโอเกะในข้อหาแจ้งความเท็จ และเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนในข้อหาหมิ่นประมาท เพราะได้ให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่าตนรูดบัตรไม่ผ่านไม่มีเงินจ่าย ซึ่งถือเป็นการหมิ่นประมาท และที่จริงแล้วตนก็ไม่ได้กลัวอะไรเพราะข้อหาที่แจ้งมาก็ไม่ได้มีอัตราโทษสูง