กรมสอบสวนคดีพิเศษหอบสำนวนคดี 10 แฟ้มส่งอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง “แทน เทือกสุบรรณ” ใน 2 ข้อหา ความผิดฐานก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าไปยึดถือ ครอบครอง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ นำตัวนายแทน เทือกสุบรรณ ลูกชายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 4 คน พร้อมสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานคดีบุกรุกที่ดินเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี จำนวน 10 แฟ้ม โดยมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องใน 2 ข้อหา คือ ความผิดฐานก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อนสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยไม่มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ส่งให้กับนายวินัย ดำรงค์มงคลกุล อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่
โดยนายวินัยกล่าวว่า หลังจากนี้จะนำสำนวนส่งมอบให้สำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีพิเศษ 4 พิจารณาสำนวนการสอบสวนและพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการต่อไป และได้นัดผู้ต้องหามาฟังคำสั่งสั่งคดีว่าจะมีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ในวันที่ 15 มกราคม 2556 เวลา 10.00 น.
ด้านนายสามารถ เรืองศรี หนึ่งในผู้ต้องหากล่าวว่า ตนเป็นเจ้าของที่ดินที่ได้ขายต่อให้นายแทน เทือกสุบรรณ และคิดว่าตนถูกกลั่นแกล้ง และอยากให้ทางดีเอสไอตรวจสอบพื้นที่ในอำเภอเกาะสมุย ว่าหากที่ดินของตนออกโฉนดโดยมิชอบจริง พื้นที่ใกล้เคียงน่าจะมีความผิดเช่นกัน ขณะที่ นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความของนายแทนกล่าวว่า ในส่วนคดีนี้ตนคิดว่าเป็นเรื่องของเกมทางการเมือง เนื่องจากการครอบครองที่ดินถูกต้องตามกฎหมาย มีการซื้อขายและมีโฉนด จึงอยากขอความเป็นธรรมด้วย
